คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทยว่าจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เข้มงวดกับการตรวจคัดกรองนักเดินทางที่มาจากประเทศที่เกิดการระบาดทั้งโดยเครื่องบินและรถที่มาจากภาคเหนือ มากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นข่าว เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้มีเวลาฟักตัวสูงสุด 14 วัน
ในมุมมองของตน ปัจจัยใหญ่คือนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในช่วงตรุษจีนแล้วยังไม่ได้กลับประเทศ ถ้าตรงนี้ควบคุมได้ดีก็จะคลายความกังวลลงได้ เนื่องจากประเทศจีนที่เป็นแหล่งระบาดของโรคปอดอักเสบที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้สั่งห้ามไม่ให้คนจีนเดินทางทั้งภายในและภายนอกประเทศ ก็จะหยุดการระบาดได้ ถือเป็นโชคดีของประเทศไทยด้วย ตนของชื่นชมประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่เอาจริงเอาจังกับหยุดยั้งการระบาดของไวรัสได้อย่างดี
ดังนั้น เมื่อประเทศต้นทางหยุดการเดินทาง ก็ยังเหลืออีก 2 ปัจจัยที่ต้องควบคุม คือ 1) การคัดกรองผู้ติดเชื้อที่เข้ามาในประเทศทั้งทางรถและทางอากาศต้องทำอย่างเข้มงวด 2) การเฝ้าระวัง เมื่อพบผู้ติดเชื้อแล้วต้องคุมไม่ให้มีการระบาดภายในประเทศให้ได้ โดยการติดตามอย่างจริงจังว่า ผู้ติดเชื้อได้ไปสัมผัสใคร เราต้องเฝ้าติดตามคนที่เขาสัมผัสว่ามีอาการหรือไม่ เนื่องจากโรคนี้ติดต่อกันได้ทางอากาศ ก็จะติดง่ายกว่าโรคซาร์สที่ติดต่อกันผ่านทางสารคัดหลั่งเท่านั้น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไวรัสโคโรนา อยู่ในกลุ่มเชื้อเดียวกันกับโรคซาร์ส และเมอร์ส แม้ว่าขณะนี้อัตราการติดต่อน้อยกว่า แต่เชื้อไวรัสสามารถฟุ้งกระจายในอากาศจากการไอ จาม ดังนั้นรัฐจะนิ่งนอนใจไม่ได้กับปัญหาความเสี่ยงแบบนี้ เนื่องจากเรามองไม่เห็นว่าเชื้อโรคมันอยู่ตรงไหน รัฐต้องเข้มงวดและเอาจริงเอาจังในทุกมาตรการ ไม่ประมาณในแต่ละจุด ทั้งการป้องกันไม่ให้เชื้อเข้ามา และไม่ให้มีการระบาดในประเทศ
โดยจากประสบการณ์ของตนที่รับผิดชอบในช่วงการระบาดของโรคซาร์ส และไข้หวัดนก ตนมั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขมีระบบที่ดี จากประสบการช่วงระบาดของซาร์สและหวัดนกรวมทั้งข้าราชการมีความสามารถแต่จะปล่อยให้กระทรวงสาธารณสุขทำงานกระทรวงเดียวไม่ได้ ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงาน
นายกรัฐมนตรีจึงควรต้องแสดงบทบาทเป็นผู้นำทีมในการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ต้องเร่งสร้างมาตรการให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า รัฐบาลมีมาตรการในการป้องกันการระบาดในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงทำ
จากประสบการณ์การควบคุมโรคซาร์ส จะแก้ไขความวิตกกังวลของประชาชนได้รัฐบาลต้อง 1.พูดความจริง 2.ให้ความรู้กับประชาชน และ 3.ออกมาตรการที่เข้มข้น และลงมือทำอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยกตัวอย่างการทำงานในช่วงโรคซาร์สระบาด ซึ่งตอนนั้นถือเป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่มีใครรู้จัก คนตื่นตระหนกมากกว่านี้ ตอนนั้น ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่ดี ลงมาจัดการปัญหาทันที ระดมทุกสรรพกำลังจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วย มีการตรวจสแกนทุกไฟลต์บินเข้า-ออกในประเทศ มีทีมแพทย์สัมภาษณ์ผู้เดินทางเข้าออกประเทศที่เคยเดินทางผ่านประเทศที่มีการระบาดของโรค
ถ้าใครมีอาการน่าสงสัย ก็เชิญไปตรวจในโรงพยาบาลทันที จนตอนนั้นไม่มีผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศได้ อีกทั้งยังทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาเพราะถ้าพลาดตรงไหนมันคือชีวิตประชาชน แล้วจากนั้นจะทำมาตรการให้เข้ม ผลคือประชาชนในประเทศ และนักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวก็จะกลับมาปกติโดยเร็ว จนองค์การอนามัยโลกยกให้ประเทศไทยเป็นตัวอย่างในการควบคุมโรคซาร์ส
สำหรับประชาชนก็ต้องเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะไปอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัด หมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น ใช้ช้อนกลาง ทานอาหารร้อน หากมีอาการไอหรือจามควรสวมหน้ากาก หากมีไข้สูงควรรีบพบแพทย์
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า ตนขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่ทุกท่าน เพราะเป็นงานที่ยากและมีความเสี่ยง