วันนี้ (25 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ และเดินทางถึงประเทศไทย เมื่อเที่ยงวันเสาร์วันนี้ (25 มกราคม 2568) โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้ติดตามผลจากข้อสั่งการในการแก้ปัญหา PM2.5 ฝุ่นควันอย่างใกล้ชิด ทั้งการดำเนินการเร่งด่วนและมาตรการระยะกลาง ระยะยาว โดยย้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ และ วาระแห่งอาเซียน
ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงมหาดไทยนำรูปแบบของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นำมาปรับรูปแบบการทำงานในศูนย์บัญชาการหลักในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันครั้งนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภช.) ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดนายอนุทินได้ลงนามตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมที่เคยเป็นคณะกรรมการใน ศปช. เพื่อระดมกำลังในการบริหารจัดการเรื่องฝุ่นควันแล้ว ให้เป็นที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) ซึ่งนับจากนี้ จะเรียกว่า “ปภ.ช.” เมื่อคืนที่ผ่านมา
ซึ่งประกอบด้วย
1. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
3. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมกันเสนอแนะในการกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย การเตรียมความพร้อมรับมือที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมทั้งให้คำปรึกษา ให้ความเห็นชอบและข้อเสนอแนะ ทั้งในการปฏิบัติงาน ในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า “ปภ.ช.” อยู่ที่กรมป้องกันฯ (ปภ) จะเป็นกองบัญชาการที่ทำงานอยู่แล้วทุกวันเหมือนกับ “ศปช.” แต่ครั้งนี้จะเพิ่มวาระที่สำคัญเร่งด่วนเรื่องฝุ่นควันเป็นหลัก โดยจะประชุมทุกวัน โดยคณะผู้บัญชาการและคณะที่ปรึกษา ระดับรองนายกฯ รัฐมนตรี และส่วนราชการสำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะผู้บัญชาการฯ จะประชุมสรุปและสั่งการในวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อติดตามว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก้ไขไปอย่างไร ผลเป็นอย่างไร มีข้อติดขัดอะไรบ้าง และจะดำเนินการต่อไปอย่างไรให้เข้มข้นและตรงจุดมากขึ้น
ส่วนด้านการจัดการไฟในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร การจัดการฝุ่นละอองในเขตเมือง และการยกระดับการปฏิบัติการแก้ไข PM2.5 ในครั้งนี้ของ “ปภ.ช” จะเป็นคณะใหญ่ในการอำนวยการ ประกอบไปด้วยทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในระดับกระทรวง กรม เพื่อยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และกรมอุตุนิยมวิทยา
ขณะที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดที่มีหน้าที่จัดการไฟในพื้นที่ป่า อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ ส่วนการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร ประกอบไปด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการแก้ไขปัญหาในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง
“ไม่แต่เฉพาะกรุงเทพมหานคร หรือปริมณฑล นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันในจังหวัดที่มีค่าฝุ่นควันสูง อาทิ จังหวัดลพบุรี ชัยภูมิ กาญจนบุรี นครสวรรค์ นครราชสีมา โดยให้ส่วนราชการในแต่ละจังหวัด ร่วมประชุมและรายงานสรุปผลการปฏิบัติและเสนอแนะการแก้ไขปัญหาในที่ประชุมดังกล่าวด้วย” นายจิรายุ กล่าว