เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(18 พ.ค.) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ โดยปฏิบัติการณ์ในครั้งใช้เวลาร่วมกว่า 2 เดือนในการจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้ายึดสารเสพติดมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน
ทั้งนี้ของกลางดังกล่าวประกอบไปด้วยยาบ้าเกือบ 200 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 500 กิโลกรัม เฮโรอีน 300 กิโลกรัม และสารเฟนทานิลอีก 3,750 ลิตร
UNDOC กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้นับเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งที่ใหญ่ที่สุดและเป็นความประสบความเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของภูมิภาค และยังจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 130 ราย
ทาง UNDOC ยังชี้ว่าการจับกุมในครั้งนี้เป็นการทำลายเครือข่ายยาเสพติดที่สำคัญ และอาจนำไปสู่การทำลายเครือข่ายขบวนการอาชญากรรมข้ามได้อีกด้วย
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของ UNODC ก็กล่าวว่า 'การตรวจพบสารเฟนทานิลเป็นจำนวนมากนั้นเป็นข้อบ่งชี้ว่า สารเฟนทานิลกำลังเป็นที่นิยมในตลาดยาเสพติดของภูมิภาคเอเชีย'
รายงานของหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯระบุว่า ในทุกๆวันมีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากการใช้สารเฟนทานิลเกินขนาดถึงวันละ 130 รายและในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิจากการใช้สารเฟนทานิลมากกว่า 130,000 รายในสหรัฐฯและแคนาดา
สารเฟนทานิลที่เจ้าหน้าที่ยึดได้มากกว่า 3,750 ลิตร นั้นเป็นสารที่ใช้ผลิตยาโอปิออยด์ และเป็นสารที่ออกฤทธิ์มากกว่าเฮโรอีนถึง 50 เท่าและมากกว่ามอร์ฟีนถึง 100 เท่า ส่วนใหญ่ผู้ที่เสพยาเสพติดจะใช้ผสมกับเฮโรอีน ยาบ้าและโคเคน
ตามข้อมูลของหน่วยงานยาเสพติดของสหรัฐฯระบุว่า จีนและเม็กซิโกก็เป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่ส่งสารเฟนทานิลเข้าไปขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือ แต่ทั้งนี้เนื่องจากการตรวจตราที่เข้มงวดขึ้นทำให้จีนส่งยาโอปินอยด์เข้าไปยังสหรัฐฯ ได้ลดน้อยลง
ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่า จีนจะใช้พื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมาเป็นพื้นที่ผลิตเฟนทานิลและยาโอปิออยด์
ช่วงที่ผ่านมาเมียนมาเป็นประเทศที่ผลิตเฮโรอีนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอัฟกานิสถาน และเมียนมายังเป็นแหล่งผลิตยาบ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก