นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามิตร เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือโรงงานยาสูบและดูแลเกษตรกร ผู้ปลูกใบยาสูบ25จังหวัด โดยระบุว่า ขณะนี้เกษตรกรกำลังเป็นทุกข์ จากการปรับเพดานภาษียาสูบ ทำให้ปัจจุบันโรงงานยาสูบมีกำไรสุทธิไม่เกิน 500 ล้านบาทต่างจากปีที่ผ่านมาที่โรงงานมีกำไรเกือบ 8,000 ล้านบาท การปรับปรุงภาษีดังกล่าวยังกระทบกับส่วนแบ่งการตลาด ทำให้บุหรี่ไทย มีสัดส่วนลดลงเหลือเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น
นายสมศักดิ์ ระบุว่า จากระบบภาษีดังกล่าว ทำให้บริษัทต่างประเทศได้เปรียบ บุหรี่ไทย เช่นการนำเข้าบุหรี่ จากต่างประเทศเข้ามา ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีให้ อบจ. 1.86บาทต่อซอง โรงงานยาสูบจึงมีกำไรเพียง 30 สตางค์ต่อซอง เช่นเดียวกับเกษตรกร ที่มีสัดส่วนเพียง 2 บาทเท่านั้น
นายสมศักดิ์ระบุว่า ภาคีเครือข่ายผู้ค้าใบยาสูบ ต้องการให้โรงงานยาสูบประกาศเรื่องการเพาะปลูกล่วงหน้าให้ชัดเจน ขึ้นทะเบียนเกษตรกรเป็นระบบโควต้า ว่าแต่ละรายมีโควต้าจำนวนเท่าใด แล้วรับผิดชอบการเพาะปลูกของตน ตามจำนวนโควต้า อีกทั้ง ภาคีเครือข่ายผู้ปลูกใบยาสูบเห็นพ้อง ในขั้นตอนของการแก้ไขเป็นแปลงกฎหมายจะต้องมีผู้แทนผู้ปลูกใบยาสูบอย่างน้อยภาคละ 1 คนเข้าไปสะท้อนข้อเท็จจริง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ตลาดเสียหายเหมือนที่กำลังเกิดขึ้น กว่าหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท
นอกจากนี้ภาคีเครือข่ายฯ ต้องการเห็นโรงงานยาสูบมีผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้จริงๆ คอยให้คำปรึกษา แก้ปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ ที่เกิดจากการปรับปรุงเพดานภาษีบุหรี่