หน่วยสืบสวนคดีอาญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนที่จะซื้อสมาร์ททีวีว่าอาจจะเป็นช่องทางในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลภายในบ้านของผู้ใช้งานได้ โดยเฉพาะในสมาร์ททีวีที่มีระบบจดจำใบหน้าและให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสตรีมมิ่ง
เอฟบีไอ เตือนว่า 'เทคโนโลยีขั้นสูงที่ติดมากับสมาร์ททีวีนั้นทำให้ผู้ผลิตโทรทัศน์และผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสามารถสอดแนมผู้บริโภคได้ ซึ่งอาจจะสร้างความเสี่ยงหายต่อความปลอดภัยส่วนตัวของผู้โภคที่ใช้สามาร์ททีวีรุ่นใหม่ๆ'
แมตต์ ไทท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และอดีตนักวิเคราะห์ของหน่วยข่าวกรองอังกฤษ กล่าวว่า 'สมาร์ททีวีรู่นต่อไป และอุปกรณืต่างๆจะมีความซับซ้อนของซอฟต์แวร์ที่มากขึ้น มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและมักจะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ของไมโครโฟนในตัวเครื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บริการต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ตสตรีมมิ่งและการสั่งงานด้วยเสียง และอาจเป็นช่องทางให้แฮ็กเกอร์สามารถเจาะข้อมูลเข้ามาได้'
แถลงการณ์ของ เอฟบีไอ ยังระบุว่า ในกรณีที่เลวร้ายน้อยที่สุด กลุ่มแฮกเกอร์สามารถเข้ามาเปลี่ยนช่อง เพิ่มระดับเสียง และเปิดวิดีโอที่ไม่เหมาะสมกับเด็กได้ ขณะที่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดกลุ่มแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงกล้อง ไมโครโฟนของทีวีในห้องนอนของคุณได้
ทั้งนี้เอฟบีที ได้แนะนำให้เจ้าของสมาร์ททีวีศึกษาการตั้งค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนรหัสผ่านที่ถูกตั้งค่าจากผู้ผลิต และเข้าใจถึงการใช้งานเปิดและปิดไมโครโฟนและกล้องที่ติดมากับโทรทัศน์
สมาร์ททีวีเป็นสินค้าหนึ่งที่ประชาชนในสหรัฐฯให้ความสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงเทศกาลชอปปิง Black Friday และ Cyber Day
รายงานระบุว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯมีการใช้สมาร์ททีวีถึง 32 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2017ที่มีเพียง 24เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และกว่า74เปอรืเซ็นต์ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในสหรัฐฯมีการต่ออินเตอร์เน็ตกับอุปกรณ์โทรทัศน์อย่างน้อย 1 ชิ้น
ที่มา CNN / multichannel