ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยของชาติ (วช.) กล่าวว่า การติดตามความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของทั่วโลก ในสัปดาห์นี้มีข้อมูลสำคัญ ด้านการรายงานผลการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ที่ให้ผลน่าพอใจ โดยเฉพาะวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนคา ประเทศอังกฤษ และวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทแคนไซโน ประเทศจีน
จากการทดสอบพบว่าวัคซีนทั้งสองแบบนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีในอาสาสมัคร และไม่พบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรง ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานผลการทดสอบวัคซีนของบริษัทโมเดิร์นนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งผลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผลดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถพัฒนาและผลิตวัคซีนที่ใช้งานได้
โดยในขณะนี้มีวัคซีนที่กำลังทดสอบในมนุษย์ถึง 30 แบบ ซึ่งวัคซีนอย่างน้อยแบบใดแบบหนึ่งน่าจะใช้งานได้ และการพัฒนาวัคซีนในช่วงต่อไปก็จะเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 3 ในประชากรจำนวนมากเพื่อดูผลในการป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะได้รับการรับรองเพื่อใช้งานทั่วไป
สำหรังการทดสอบในช่วงต่อไป จะติดตามว่าภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน รวมทั้งติดตามโดยละเอียดในเรื่องความปลอดภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และที่สำคัญจะต้องติดตามว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนนั้นจะไม่ติดเชื้อ โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน เพราะในการทดสอบที่รายงานกันนี้เป็นการตรวจในห้องปฏิบัติการว่ามีระดับแอนติบอดีหรือมีภูมิคุ้มกันด้านเซลล์เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้ยืนยันว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถป้องกันเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาติดตามอีกพอสมควร เพื่อให้มีความมั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีน 100 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่น่าจะมีวัคซีนที่ใช้งานได้จริงโดยผ่านการทดสอบครบทุกขั้นตอนและผลิตได้ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับคนจำนวนมากซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกได้คาดเอาไว้นั้น น่าจะเป็นในกลางปีหน้าเป็นต้นไป โดยในช่วงต้นปี 2564 จะเริ่มมีวัคซีนจำนวนหนึ่งที่พร้อมใช้ในคน แต่ยังคงมีจำนวนจำกัด หลังจากนั้นจึงจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้มีวัคซีนจำนวนมากเพียงพอ
ส่วนราคาวัคซีนมีการเทียบเคียงจากผลการเจรจาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ได้ตกลงสั่งซื้อวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไบออนเทค ประเทศเยอรมนี ร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จองซื้อวัคซีนล่วงหน้าหากวัคซีนประสบความสำเร็จ โดยสั่งซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านเข็ม สำหรับฉีดในคน 50 ล้านคน ที่ราคา 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเท่ากับเข็มละ 20 เหรียญสหรัฐ จึงประเมินได้ว่าวัคซีนโควิด-19 น่าจะมีราคาประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ หรือ 620 บาท โดยจะต้องฉีดคนละ 2 เข็ม เท่ากับค่าวัคซีน 1,240 บาท ซึ่งราคาดังกล่าว ใกล้เคียงกับราคาของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทย มีการดำเนินงานด้านวัคซีนอย่างคู่ขนานกันทั้งสามแนวทาง คือ การพัฒนาวัคซีนในประเทศ และการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิควัคซีนที่ผ่านการทดสอบแล้วจากต่างประเทศเพื่อให้ผลิตได้เพียงพอสำหรับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งการเตรียมจัดหาวัคซีนจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ