การจบการศึกษา แต่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้ต้องทำงานไม่ตรงสายงาน มีส่วนทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 1% ของจำนวนแรงงานในประเทศไทย และเกิดวิกฤตขาดแคลนแรงงานในระดับอาชีวะ
นางสาว นพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปีนี้ (2558) อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นจากปี2557 ที่ 0.6-0.7% เป็น 1% ของจำนวนแรงงานในไทย 38 ล้านคน หรือ 3 แสน 7 หมื่น 8 พันคน และในจำนวนผู้ว่างงานนี้ 32% หรือ 1 แสน 2 หมื่น 2 พันคน เป็นผู้ว่างงานในระดับอุดมศึกษา เพราะจบไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะระดับปริญญาตรี มี 3 คณะที่นักศึกษาให้ความสนใจเข้ารับการศึกษา ได้แก่ อักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
ส่วนตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงาน คือ การแพทย์ วิศวกรรม บัญชีและการตลาด รวมถึง การศึกษาด้านอาชีวะ ที่ปัจจุบัน ตลาดแรงงานต้องการ 3 แสน 7 หมื่นคนต่อปี แต่มีผู้สำเร็จการศึกษา 1 แสน 2 หมื่นคนต่อปีเท่านั้น
และตำแหน่งงานที่เติบโตต่อเนื่อง คือ ด้านไอที โดยเฉพาะผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน และด้านการตลาด ด้านออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง และการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ เออีซี ทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาถิ่น ทักษะด้านไอที และความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรมประจำถิ่น คือสิ่งที่จำเป็นเพื่อเข้ากับลักษณะการทำงานและวัฒนธรรมได้
โดยเสนอให้สถาบันการศึกษาไทย ควรต้องมีการแนะนำหรือแนะแนวทางให้นักศึกษามีความเข้าใจลักษณะการทำงานในแต่ ละอาชีพ เพื่อการวางแผนด้านการศึกษาในอนาคต
นอกจากนี้ การสำรวจ"ความสุขในการทำงานปี 2558 " พบว่า 60% ของคนทำงานในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีความสุขในการทำงาน และ 40% ไม่มีความสุข โดย ปัจจัยที่ทำให้มีความสุขในการทำงาน เช่น บทบาทหน้าที่รับผิดชอบในงานปัจจุบัน ความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เงินเดือนที่ได้รับ ช่วงเวลาการทำงานที่สมดุลกับการใช้ชีวิต และสิทธิประโยชน์และผลตอบแทน
และ 5 เหตุผลที่คนทำงานคิดจะลาออก คือ ไม่มีโอกาสเติบโตในองค์กร เข้ากับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้บังคับบัญชาไม่ได้ "เพื่อนไม่คบ นายก็ไม่รัก" ได้รับการปรับเงินเดือน แต่ไม่เพียงพอ องค์กรไม่มีระบบที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานให้สำเร็จและไม่มีประสิทธิภาพ และไม่ชอบงานที่รับผิดชอบอยู่