นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วยนายทรรศนัย ทีน้ำคำ ในฐานะนักกฎหมาย และทนายความ เข้ายืนหนังสือต่อ นายนิคม บุญวิเศษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย เพื่อขอให้ส่งเรื่องต่อยังประธานรัฐสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีการคัดค้านการพิจารณา บุคคลให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าคุณสมบัติของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและพ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ค. 2562 นับจนถึงปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งเพียง 1 ปีเศษเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าพ้นจากตำแหน่งไม่เกิน 10 ปีก่อนเข้ารับการสรรหาจึงมีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เข้าข่ายการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ. 2561 มาตรา 11 (18)
นายปิติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เคยมีความเห็นว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 6 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ที่บัญญัติให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาและรัฐสภา และมีหน้าที่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 263 ที่บัญญัติไว้ว่าในระหว่างที่ยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวปี 2557 ยังคงทำหน้าที่รัฐสภาสภาผู้แทนและผู้ที่ศรัทธาต่อไป
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือเลือกที่รักมักที่ชัง จนเสียความยุติธรรม จึงขอคัดค้านการนำเสนอชื่อนายสุชาติให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและขอเรียกร้องให้นายสุชาติแสดงสปิริตโดยยึดหลักแห่งคุณธรรมจริยธรรมและหลักธรรมาภิบาล ที่เดินเคียงคู่กับหลักนิติธรรม ถอนตัวออกจากการรับการสรรหาและพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :