ไม่พบผลการค้นหา
ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา ให้สิทธิลดหย่อนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค ขยายเวลาใช้สิทธิต่ออีก 2 ปี กระทบยอดจัดเก็บรายได้ภาษี 440 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 มิ.ย. 2563 ว่า ครม.มีมติอนุมัติร่างพระราชกฤษฏีกาฯ มาตรการภาษีเพื่อการสนับสนุนการศึกษา โดยขยายเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีออกไปอีก 2 ปี สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e -Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563- 31 ธ.ค.2564 โดยการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน โรงเรียนเอกชนตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และสถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ  

โดยกรณีบุคคลธรรมดาให้นำเงินที่บริจาคมาหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายสำหรับการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกาอื่นๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้เพิ่งประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว

ส่วนกรณีนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้นำเงินหรือทรัพย์สินมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายในการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกีฬาของเอกชนและราชการสและรายจ่ายสำหรับการบริจาคตามพระราชกฤษฏีกาอื่นๆ แล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะและรายจ่ายเพื่อการศึกษาเพื่อการกีฬา

อย่างไรก็ตาม พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ จะมีผลทำให้จัดเก็ษภาษีลดลงจำนวน 440 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงจูงใจภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาการศึกษาทั้งหลักสูตร ครูผู้สอน สื่อการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงยกระดับสถาบันการศึกษาเฉพาะด้านสามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน