'แบล็กเบอร์รี' ปรับกลยุทธ์เลิกผลิตสมาร์ตโฟน และเบนหัวเรือไปมุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์แทน ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงกว่า 40 %
'แบล็กเบอร์รี' ไม่ใช่บริษัทผลิตสมาร์ตโฟนอีกต่อไป และการปรับตัวครั้งนี้ส่งผลดีอย่างชัดเจน เมื่อยอดหุ้นพุ่งสูงขึ้นทันทีราวร้อยละ 10 % เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังบริษัทแถลงรายรับและยอดจำหน่ายสินค้าที่เกินการคาดการณ์ของตลาด ทั้งนี้ บริษัทยังปรับเพิ่มยอดประมาณรายรับประจำปี 2019 นี้ขึ้นด้วย ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงกว่า 40 % ในปีนี้
อดีตบริษัทผลิตสมาร์ตโฟนรายงานรายรับอยู่ที่ 99 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,100 ล้านบาท จากภาคธุรกิจบริการให้ใบอนุญาตกับบริษัทคู่ค้าเดิมและธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งเติบโตถึง 71 % จากปีก่อนหน้า โดยความสำเร็จของแบล็กเบอร์รีครั้งนี้มาจากการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจขายสินค้าฮาร์ดแวร์ที่มีการแข่งขันกันสูงมากอย่างสมาร์ตโฟน ไปสู่ธุรกิจซอฟต์แวร์ที่มีกำไรดีกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือ IoT ที่มีไว้เชื่อมต่ออุปกรณ์และยานพาหนะอย่างรถยนต์
จอห์น เฉิน ซีอีโอคนปัจจุบันของแบล็กเบอร์รี ที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2013 ขณะที่บริษัทกำลังเผชิญความยากลำบากในการอยู่รอด เขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนการดำเนินการของบริษัทที่เคยเน้นไปที่การผลิตโทรศัพท์ไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์แทน โดยแบล็กเบอร์รีหยุดผลิตโทรศัพท์เองตั้งแต่ปี 2016 และหันไปหาคู่ค้าให้ผลิตแทน ปัจจุบัน แบล็กเบอร์รี ทำรายได้หลักมาจากการขายซอฟต์แวร์และบริการให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ และล่าสุด เพิ่งเข้าซื้อ ไซแลนซ์ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ปัญญาประดิษฐ์และเครื่องจักรควบคุมระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย