Thailand Mobile Expo 2018 งานมหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวานนี้ พิเศษกว่าปีที่ผ่านมา โดยชูคอนเซ็ปต์ 'Mobile Related Expo' ที่นำเอาเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือมาจัดแสดงด้วย พร้อมจัดโซนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และจัดเสวนาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลให้ผู้สนใจได้เข้าร่วมตลอดงาน
จัดเป็นปีที่ 29 แล้ว และยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ร่วมงาน สำหรับ Thailand Mobile Expo 2018 มหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยบริษัทเอ็ม วิชั่น ร่วมกับบริษัทพันธมิตรค่ายโทรศัพท์มือถือกว่า 40 แบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง, หัวเว่ย, โซนี ,โนเกีย ,โมโตโรลา ,เลอโนโว, นูเบีย และเสียวหมี่ รวมไปถึงบริษัทไอทีอย่าง JIB ,IT ,CityJaymart, Synnex และ TG Phone ร่วมด้วยบริษัทเครือข่ายสัญญาณรายใหญ่ทั้ง 3 รายของไทย คือ AIS,Dtac และ TrueMove H
โดยเทรนด์มือถือที่กำลังมาแรงในปีนี้ และหลายค่ายต่างแข่งขันกันเปิดตัวคือ มือถือที่มีกล้องคู่แบบ Dual Camera หน้าจอไร้ขอบและกว้างเป็นพิเศษ การปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า รวมถึงการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในสมาร์ตโฟน
นอกจากนั้น การจัดงาน Thailand Mobile Expo ในปีนี้ยังพิเศษกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีการนำเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือมาจัดแสดงด้วย ในคอนเซ็ปต์ Mobile Related Expo พร้อมเปิดตัวบูธ EV Expo ที่จัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งกำลังมาแรง โดยรวบรวมรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ และยังจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ของเครื่องชาร์จไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่มีเทคโนโลยีคำนวณค่าไฟฟ้าขณะชาร์จไฟ และสามารถจ่ายค่าไฟผ่าน Wallet บนมือถือได้ทันที
ภายในงานยังเพิ่มพื้นที่จัดแสดงมากถึง 5,000 ตารางเมตร และขยายโซน C เพื่อจัดเป็น Camera Zone ให้คนที่รักการถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์การถ่ายภาพที่เน้นการแชร์ภาพเข้าสมาร์ตโฟน และโพสต์ลงโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น
อีกส่วนที่เป็นไฮไลต์ของงานในปีนี้คือ งานสัมมนา 'Seminar & Business Matching รู้ลึก รู้ทัน เงินสกุลดิจิทัล' บริเวณโซนพลาซ่า ที่วิทยากรชั้นนำของประเทศจะผลัดเปลี่ยนกันมาบรรยายตลอด 4 วันของการจัดงาน
โดยผู้จัดงานคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีกระแสตอบรับที่ดี และสามารถรักษายอดผู้เข้างานจากปีที่แล้วราว 700,000 คนไว้ได้ พร้อมสร้างยอดเงินสะพัดประมาณ 1,900 ล้านบาท ด้วยแพคเกจส่งเสริมการขายมากมายในงาน
Thailand Mobile Expo 2018 เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. จนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์