รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2563
“คำผกา” ชี้ “ประยุทธ์และรัฐบาล” ควรสางงบประมาณออกมาก่อน มุ่งแก้ปัญหาโรคระบาดก่อน ชี้ถ้าจะให้ประชาชนอยู่ในที่พัก ก็ควรรีบส่งเงินให้ถึงมือช่วงกักตัว โดยเฉพาะคนได้ค่าจ้างรายวัน เพราะเมื่อมีคำสั่งปิดเมืองชั่วคราว ไม่มีรายได้ทางออกที่ดีที่สุดก็คือกลับบ้าน “ใบตองแห้ง” ก็เตือน ถ้าสัปดาห์หน้ายอดคนติดเชื้อยังพุ่ง ก็เข้ามาตรการที่ 3 ได้เลย
ที่ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงกรณีที่ กรุงเทพฯ ประกาศปิดสถานที่เพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย. ทำให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงแรงงานต่างด้าว ว่า รัฐบาลไม่สามารถห้ามไม่ให้เดินทางกลับได้ แต่รัฐบาลมีมาตรการรองรับ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทำแผนระดับอำเภอ หมู่บ้าน ตำบลให้ผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาแยกตัวสังเกตอาการ 14 วัน ตอนนี้ หากประชาชนคนใดยังไม่ได้กลับ ขอความร่วมมือว่าอยากให้อยู่ กทม.และปริมณฑลไปก่อน เพราะถ้ากลับ บางครั้งอาจไม่ทราบว่าตัวเองว่าติดเชื้อ และเป็นพาหะไปยังญาติพี่น้อง ถ้ายังอยู่ กทม.และปริมณฑลได้ ทางรัฐบาลอยากให้ช่วยอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึง การดำเนินการรองรับประชาชนที่กลับภูมิลำเนา คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้วางแนวทาง จัดทีมในการเฝ้าระวัง ค้นหา และเฝ้าสังเกตอาการ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ผู้ช่วยสารวัตร คณะกรรมการหมู้บ้าน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. และนายอำเภอ ซึ่งจะกระจายอยู่ในทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน
โดยมาตรการในการเฝ้าระวังคือ ผู้ที่เดินทางถึงหมู่บ้าน จะจัดทำฐานข้อมูลว่าใครเดินทางมาจาก กทม. จากนั้น ให้ความรู้ในการปฏิบัติตัว เช่น แยกตัว เฝ้าสังเกตอาการ ล้างมือ และไม่เข้าไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะให้ความรู้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เพื่อเฝ้าสังเกตอาการด้วย โดยหากพบว่าใครมีไข้ หรือมีอาการ ให้มาแจ้งกำนัน ผู้ใหญบ้าน ตลอดจนให้อาสาสมัคร และ อสม. เข้าไปดูแลผู้สูงอายุในบ้าน และชุมนเพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีอุปกรณ์ในการดูแลประชาชน และดูแลตัวเองให้อาสาสมัครด้วยแล้ว สำหรับมาตรการในการกักตัว ชุดทีมงานที่แต่งตั้งไปเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เมื่อเจ้าพนักงานมีคำสั่งให้ใครกักตัว แล้วฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ โดยสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่เบื้องต้น ขอเป็นความร่วมมือก่อน
ขณะที่ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ในฐานะที่ต่อสู้กับโรคระบาดมา 20 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่โรคระบาดรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา จึงอยากเห็นความร่วมมือร่วมใจเราถึงจะสามารถบรรเทาได้ ตอนนี้ไม่มีทางกำจัดออกไปแล้ว เพราะได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก วิธีบรรเทาคือทำตามมาตรการที่ออกมา ขอให้คำแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา อยากให้ทยอยกลับ อย่าเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่มาก เพราะโอกาสแพร่เชื้อค่อนข้างสูง เมื่อถึงบ้านควรล้างมือเป็นอันดับแรก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่หน้ากาก แล้วค่อยทักทายครอบครัว รวมทั้งควรกักตัวเอง 14 วันอย่างเคร่งครัด ต้องระวังตัวเองไม่ให้ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น
เมื่อถามว่า นอกจากอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ จะมีมาตรการเพิ่มอะไรจากนี้หรือไม่ เพราะประชาชนยังเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา นพ.ทวี กล่าวว่า การไม่ให้คนเคลื่อน ย้ายคือมาตรการที่ดีที่สุด แต่บางประเทศบอกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ใหลไป ถ้าเป็นเช่นนั้นมีการประเมินว่า ประเทศอังกฤษจะมีผู้เสียชีวิตถึง 5 แสนคน สหรัฐ อเมริกา 2 ล้านคน มาตรการที่ 2 คือ ให้บรรเทา ชะลอ การแพร่ระบาด ซึ่งไทยกำลังใช้วิธีนี้อยู่ และมาตรการที่ 3 ไม่ให้ไปไหนเลย ปิดหมดทุกอย่าง จำกัด 95% ซึ่งต้องใช้เวลา 5 เดือน เอาหรือไม่ครับ ไม่ให้ไปไหนเลย วันนี้ไทยใช้มาตรการที่ 2 โดยประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาก็ใช้วิธีนี้อยู่
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เฟชบุ๊กไลฟ์ ประกาศออกอีก 7 มาตรการเพื่อสกัดกั้นโควิด-19 ระบุว่า ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วย สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการที่ไม่ออกไปในที่ที่มีคนหนาแน่น ทั้งนี้ ตามที่กรุงเทพฯได้มีคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงหลายแห่ง ทำให้หลายคนคิดอยากจะเดินทางออกนอกเขตพระนคร ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์ที่หมอชิตเมื่อวานนี้ แต่จากตัวเลขจำนวนผู้เดินทางจากบขส. พบว่า 3 วันที่ผ่านมามีผู้เดินทางออกนอกกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นจากปกติเพียง 10% เท่านั้นซึ่งในจำนวนนี้ร้อยละ 90 เป็นพี่น้องจากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องรีบเดินทางเนื่องจากจะมีการปิดด่านในวันนี้ ต้องขอขอบคุณคนกรุงเทพฯ แม้ว่าตนจะไม่มีอำนาจสั่งให้เดินทางออกนอกกรุงเทพฯ แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี