กลุ่มมวลชน กปปส. นำโดยพระพุทธอิสระ เดินทางมาปิดล้อมเขตหลักสี่ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 มกราคม เพื่อให้ข้าราชการออกนอกสำนักงาน และไม่ให้มีการขนหีบบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ วันที่ 31 มีการเจรจา 2 รอบระหว่างพระพุทธะอิสระกับ พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ
วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ สถานการณ์เริ่มตึงเครียดตั้งแต่เช้า เพราะข่าวจากทุกสายตรงกันว่า ช่วงประมาณ 11 นาฬิกาจะมีกลุ่มมวลชนผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง นำโดยประธานชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ไปรวมตัวกันที่วัดหลักสี่ แล้วจะเดินขบวนไปที่สำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อแสดงเจตนารมย์สนับสนุนการเลือกตั้ง
13 นาฬิกาของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตำรวจนครบาลเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พันเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ คณะกรรมการเลือกตั้งประจำเขต นายสุรชาติ เทียนทอง นายการุญ โหสกุล อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสุนัย ผาสุก ตัวแทนฮิวแมนไรท์วอช ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าให้ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 ผู้อำนวยการเขต ไปเจรจากับพระพุทธอิสระที่สำนักงานเขตหลักสี่ และให้ พ.ต.อ.กิตติภัท เพ็งรุ่ง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ไปเจรจากับกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนเลือกตั้งที่วัดหลักสี่
แม้การเจรจาจะไม่บรรลุผล แต่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ว่า จะไม่มีการคุกคามอาสาสมัครพยาบาล และรถพยาบาลที่เข้ามาช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เวลา 15 นาฬิกา 30 นาที เป็นเส้นตายที่ฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งจะเคลื่อนขบวนไปสำนักงานเขตหลักสี่ แต่ตำรวจตั้งด่านสกัดไว้ที่สะพานข้ามคลองเปรมประชากร
ที่ปรึกษาอาวุโสฮิวแมนไรท์วอช ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ระบุว่าสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีมวลชน กปปส. จากเวทีลาดพร้าวเคลื่อนมาสมทบ ทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น สถานการณ์ยกระดับอย่างรวดเร็วมีการยิงตอบโต้ด้วยอาวุธสงคราม โดยเฉพาะจากฝั่งมวลชน กปปส. ลักษณะของกองกำลังติดอาวุธ สะท้อนให้เห็นว่า มีอาวุธสงคราม มีความชำนาญสูง มีการฝึกฝนในทางยุทธศาสตร์ และติดต่อประสานงานอย่างดี ส่วนฝั่งมวลชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ก็มีการยิงตอบโต้ลงมาจากตึกไอทีแสควร์
ผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ พบร่องรอยกระสุน 48 รอย ทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งด้านหน้าไอทีแสควร์ และ ฝั่งป้อมตำรวจใต้สะพานข้ามแยกหลักสี่ ซึ่งเป็นฝั่งของกลุ่ม กปปส. ส่วนปลอกกระสุนพบ 25 รายการ สันนิษฐานว่ามาจากอาวุธปืน 7 ชนิด คือ ปืนสั้นขนาด .38 ปืนสั้นขนาด 9 มม. ปืนสั้นขนาด .45 ปืนลูกซองยาว ปืนยาวคาร์บิน ปืนความเร็วสูง ที่ใช้กระสุนขนาด .223 หรือปืนทราโว่ และปืนอาก้า กระสุนขนาด 7.62
แนวทางการสืบสวนของตำรวจมีเบาะแส ว่ากลุ่มติดอาวุธมี 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรก คือ กลุ่มนักเรียนอาชีวะ ที่เรียกตัวเองว่า ซีลราชสิทธิ์ กลุ่มที่สอง คือ กลุ่ม การ์ด กปปส. และกลุ่มที่ 3 ซึ่งใช้อาวุธสงครามร้ายแรง คาดว่าน่าจะเป็นคนมีสี เพราะลักษณะการยิงผ่านการฝึกและใช้อาวุธปืนตามยุทธวิธี แต่เบื้องต้นที่ตำรวจ เตรียมออกหมายจับ 3 ราย จะเป็นกลุ่มนักเรียนอาชีวะ
อ่านต่อ
ผู้สมัคร สส.เขตหลักสี่ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ได้พยายามขอร้องมวลชนหลายกลุ่มไม่ให้เดินทางมาที่เขตหลักสี่ แต่ยอมรับว่าไม่สามารถห้ามปรามได้ เพราะประชาชนในเขตหลักสี่ และกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขตหลักสี่ ได้รับผลกระทบจากการปิดการจราจรตั้งแต่ปิดศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ถูกขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้า 26 มกราคม และกำลังจะถูกขัดขวางการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์เผชิญหน้าจึงขอร้องให้ตำรวจ และทหารช่วยรักษาชีวิตลูกบ้าน
วอยซ์ทีวีได้มีโอกาสพูดคุยกับ พันเอกทรงวิทย์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ สรุปบทเรียนเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ว่า จุดบกพร่องคือ ไม่ได้ตั้งด่านสกัดกลุ่มมวลชน กปปส.จากเวทีลาดพร้าวที่เคลื่อนมาสมทบด้านถนนวิภาวดี รังสิต และ โลคัด โรด จึงทำให้เกิดสถานการณ์แทรกซ้อน แต่เมื่อเกิดเหตุรุนแรงขึ้นแล้ว ทั้งทหารและตำรวจ ต้องพยายามยุติเหตุปะทะให้ได้ก่อนค่ำ มิฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าพื้นที่จนอาจซ้ำรอยเหตุการณ์ความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปลายปีที่แล้ว