Go Global ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2556
จีนอ้างกลุ่มผู้ก่อการร้ายมุสลิมจากแคว้นซินเจียงก่อความไม่สงบในการขับรถพุ่งชนฝูงประชาชน ณ จัตุรสเทียนอันเหมิน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต คน และบาดเจ็บอีก คน โดยอ้างต่อว่า การก่อการร้ายครั้งนี้ได้มีการว่งแผนเป็นอย่างดี เป็นยความพยายามของกลุ่มมุสลิมที่ต้องการก่อความไม่สงบ ในความเป็นจริงจีนประสบปัญหาที่มีกับมุสลิมชนกลุ่มน้อยอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลยังดำเนินนโบบายกดขี่เสรีภาพของขนกลุ่มน้อย เป็นเหตุให้มีการใช้ความรุนแรงและการก่อการร้ายเป็นเครื่องมือ ดังที่ได้เกิดขึ้นในเดือนเมษายนและมิถุนายนปีนี้ ส่วนหนึ่งมากจากกลุ่มชาวจีนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวฮั่น ไม่ยอมรับถึงความเป็นพหุสังคมของจีน
นิตยสานฟอรบส์ได้จัดอันดับผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปีนี้ โดยมอบตำแหน่งให้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย เฉือนคู่แข่งคนสำคัญ นั่นคือ ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า จากสหรัฐอเมริกาที่คงในอันดับ 2 นอกจากนี้ ยังได้จัดอันดับผู้นำจีน นายสี จิ้นผิง ไว้อันดับ 3 พระสันตปะปาฟราซิสไว้อันดับที่ 4 และนางแองเกล่า เมอร์เกล อันดับที่ 5 การจัดอันดับนี้สะท้อนถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ในการครองความเป็นเจ้า และการสร้างอิทธพลเหนือเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามกลางเมืองในซีเรีย ประเด็นเรื่องการให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่นายเอ็ดเวริ์ด สโนเดน จนมีนักวิเคราะห์พูดว่า อาจเป็นการเกิดของสงครามเย็นอีกครั้งหนึ่
กรณีการเสนอ พรบ.นิรโทษกรรมของไทย ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศอย่างมาก โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนจุดยืนของพรรครัฐบาลในเรื่องนี้ และผลที่อาจเกิดต่อคะแนนเสียงที่มาจากกลุ่มปู้สนับสนุนเสื้อแดง โดยมีการเสนอข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชุมนุมประท้วงจากกลุ่มต่างๆ มากมายและอาจนำไปสู่ความรุนแรง โดยสาระของข่าวเหล่านี้ยังเน้นที่การต้องการเดินทางกลับประเทศของ พตท ดร ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการไม่เอาผิดกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารประชาชนที่ราชประสงค์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยได้มีการพูดถึงการ "เกี๊ยเซี๊ย" ของผู้นำไทยที่ไม่รวมเอาประชาชนเข้าสู่กระบวนการปรองดองและการคืนความยุติธรรม