โฆษณาในรถไฟฟ้า ที่เขียนไว้ว่า “ สำรองที่นั่งสำหรับคนขาว” “แผนผังขาวอมชมพู” ที่เริ่มต้นตั้งแต่ ต้นคอขาว, หัวไหล่ขาว, แขนขาว ไล่มาจนทั่วร่างกายทำเป็นภาพล้อแผนผังสถานีรถไฟฟ้า คนทำโฆษณาไม่รู้จักคำว่า politically correct อันแปลว่า การ พูด การเขียน การโฆษณา สื่อสารมวลชนต้องระมัดระวังที่จะหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ที่ “ไม่ถูกต้องทางการเมือง” เช่น ถ้อยคำที่ดูถูกคนพิการ ถ้อยคำเหยียดเพศ เหยียดสีผิว เหยียดชนชั้น
ในประเทศโลกที่หนึ่ง การ “สื่อสาร” ได้ยอกย้อนไปจนถึงขั้นที่คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันว่า การแสดง “ความถูกต้องทางการเมือง” ก็อาจเป็นการแสดง “อคติ” ทางการเมืองอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น การออกมาให้ความสำคัญกับความหลากหลายของความงา สีผิว แท้จริงอาจสะท้อนให้เห็นว่า ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าคุณตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า เรื่อง “สีผิว” ยังเป็นเรื่องที่คุณเห็นว่าคือ “ความแตกต่าง” แถมคุณยังใช้ความแตกต่างนั้นมาขาย และมา “สร้างภาพ” ให้คุณดูดีขึ้นเสียอีก
เพราะฉะนั้นจะบอกว่า “ความขาว” เป็นนิยามความงามที่เป็นมรดกยุคศักดินาก็ว่าได้ ซึ่งไพร่ๆอย่างเรารับมาเป็น “สมบัติ” ของพวกเราในปัจจุบัน เพราะในสมัยก่อน หากเราเป็นไพร่ เป็นชาวนา ที่ต้องไถนา ทำสวน ขุดดิน ผ่าฟืน เราคงไม่อยากได้เมียผอมๆ ขาวๆ เพราะเดี๋ยวไปดำนาสองวันก็เป็นลม ทำมาหากินอะไรก็ไม่ได้ เป็นภาระ ไม่ก่อให้เกิดการผลิต แบ่งเบาภาระในครอบครัวไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ในยุคทุนนิยม พวกเรายังอยู่กับค่านิยมแบบศักดินา นั่นก็คือยังมีการให้คุณค่าของมนุษย์กันที่ ชาติกำเนิด และไม่เชื่อว่าคนเท่ากัน เราจึงยังเหยียดหยามคนตัวดำว่าคือพวกบ้านนอก ตัวดำ ทำนา ไร้การศึกษา สกปรก บวกทัศนคติแบบเจ้าอาณานิคมก็ไปเชื่อมโยง “ความดำ” เข้ากับ “ความป่าเถื่อน
สังคมนี้ คนจนทำอะไรก็ผิด การที่ผู้หญิงชนชั้นกลางไปดูถูกผู้หญิงชนชั้นล่างว่าตกเป็นเหยื่อบริโภคนิยมหรือค่านิยมจอมปลอม
โดยลืมคิดไปว่า ต้นเหตุมันก็เกิดจากค่านิยมของพวกเราเองที่ไปโยงความดำเข้ากับความสกปรก ป่าเถื่อน ไปดูถูกเขา
แล้วในเมื่อพวกคุณตัวขาวๆกันได้ ทำไมพวกเราจะขาวบ้างไม่ได้?
Produced by VoiceTV