ช่วงเดือนที่ผ่านมา รัสเซียยึดเรือประมงจากเกาหลีเหนือหลายลำ และจับกุมลูกเรือเกือบ 300 ราย สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการของสหประชาชาติที่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนจนชาวประมงเกาหลีเหนือต้องละเมิดน่านน้ำสากล
ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวของรัสเซียรายงานว่า หน่วยลาดตระเวนชายฝั่งรัสเซียยึดเรือประมงเกาหลีเหนือได้ทั้งหมด 3 ลำ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนจนถึงปลายเดือนกันยายน พร้อมทั้งจับกุมลูกเรือประมงเกาหลีเอาไว้ได้ทั้งหมด 262 คน และตั้งข้อหาล่วงล้ำเข้าไปจับสัตว์น้ำในน่านน้ำที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของรัสเซีย
สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์รายงานว่า ลูกเรือทั้งหมด พร้อมด้วยเรือประมงและเรือบดขนาดเล็กอีกหลายลำถูกนำไปที่เมืองท่า 'นาคอดกา' และเจ้าหน้าที่ชายฝั่งของรัสเซียยังพบของกลางเป็นสัตว์น้ำจำนวนมาก แต่ที่เยอะสุดคือปลาหมึกกว่า 30,000 ตัว และอุปกรณ์ทำประมงเถื่อน
ส่วนเรือประมงเกาหลีเหนือ 2 ลำก่อนหน้านี้ ถูกยึดขณะผ่านน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของรัสเซีย และลูกเรือลำหนึ่งของเกาหลีเหนือได้ยิงโจมตีเรือลาดตระเวนรัสเซีย และการปะทะครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย โดยผู้ลอบทำประมงชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ และรัสเซียต้องเรียกนักการทูตของเกาหลีเหนือเข้าพบเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้
สื่อต่างประเทศฝั่งตะวันตกรายงานด้วยว่า ที่ผ่านมา รัสเซียและจีนเป็นพันธมิตรเพียงไม่กี่ประเทศของเกาหลีเหนือ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศแสดงท่าทีไม่พอใจเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหลายครั้ง และติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธไปในทิศทางที่เป็นภัยคุกคามต่อสองประเทศ ทั้งยังมีท่าทีกลับไปกลับมาในการเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐอเมริกา
ความตึงเครียดเหล่านี้ทำให้หลายประเทศเดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ภาวะขาดแคลนอาหารและเศรษฐกิจฝืดเคืองส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนือมากขึ้น และภาพสะท้อนดังกล่าวส่งผลให้ชาวประมงเกาหลีเหนือรุกล้ำเข้าไปในน่านน้ำระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้ไม่แพ้รัฐบาลเกาหลีเหนือ ก็คือพลเรือนเกาหลีเหนือนั่นเอง