ซีไอโอของไนกี้ ระบุว่า สนใจเจาะ 3 ตลาด คือ กลุ่มผู้หญิง ดิจิทัล และชาวจีน ซึ่งจะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้
จากข้อมูลในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นไนกี้ ตกลงไป 2.9% เหลือ 94.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งที่ไนกี้ มีข่าวดีมากมาย เช่น มีรายได้ 655 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 2 หมื่น 1 พัน 5 ร้อยล้านบาทในไตรมาสเดียวกันนี้ หรือเพิ่มขึ้น 23 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่ รายได้จากแบรนด์ทั้งหมดของไนกี้ เพิ่มขึ้น 15% จาก 6 พัน 4 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือ 2 แสน 1 หมื่นล้านบาท เป็น 7 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 2 แสน 4 หมื่นล้านบาท แต่นักลงทุนกลับกังวลเกี่ยวกับยอดขายในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ ซึ่งคาดหวังว่า จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 7% แต่ในความเป็นจริง เพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น
นายแมท ปาร์กเกอร์ ซีอีโอของไนกี้ ระบุว่า มี 3 สิ่ง ที่ไนกี้ ให้ความสนใจในการเพิ่มยอดขาย ก็คือ ตลาดผู้หญิง ตลาดดิจิทัล และตลาดในประเทศจีน โดยไนกี้ เปิดร้านสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะแล้ว 2 ร้าน ในแคลิฟอร์เนีย และเซี่ยงไฮ้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะผู้หญิงยุคใหม่ให้ความสนใจกับสุขภาพและการออกกำลังกาย มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังสนใจการผูกติดแบรนด์กับดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีผู้หญิงอยู่ในชุมชนออนไลน์ของไนกี้ ถึง 65 ล้านคน และก็พบว่า รายได้ในส่วนนี้เติบโตถึง 65% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไนกี้ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญและผลิตสินค้าใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
สำหรับตลาดจีน เป็นตลาดที่ไนกี้ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ของไนกี้ ทั้งผลิตภัณฑ์รองเท้าและเครื่องแต่งกาย