เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 16.15 น. ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย พร้อมด้วยนางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะ ร่วมหารือกับผู้นำภาคเกษตรของเวียดนาม 3 ราย ได้แก่ สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vietnam Fruit and Vegetables Association: VINAFRUIT) สมาคมทุเรียนจังหวัดดั๊กลัก (Dak Lak Durian Association) และผู้แทนจังหวัดดั๊กลัก ผ่านรูปแบบ hybrid ทั้งการพบปะโดยตรงและการประชุมออนไลน์ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวถึงการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเกษตรระหว่างไทย–เวียดนาม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมทุเรียนซึ่งถือเป็นผลไม้ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่องว่า ทุเรียนถือเป็น “สินค้าเกษตรมหัศจรรย์” ที่กำลังกลายเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของอาเซียน โดยเฉพาะในตลาดจีน และหากรวมตลาดอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป คาดการณ์ว่าตลาดส่งออกทุเรียนจะขยายตัวได้สูงถึง 20 ล้านตัน สร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้วยเหตุนี้ ผู้แทนการค้าไทยจึงเสนอแนวคิดการจัดตั้ง “สมาพันธ์ทุเรียนอาเซียน” ซึ่งจะเป็นการจับมือร่วมกันระหว่างไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ที่ล้วนเป็นผู้ผลิตหลักที่ครองตลาดทุเรียนมากกว่า 90% ของอาเซียน โดยสมาพันธ์ฯ จะทำหน้าที่ใน 6 ด้านหลัก ได้แก่
1) การแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตในปัจจุบันและแนวโน้มตลาดในอนาคต
2) การถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกและองค์ความรู้
3) การกำหนดมาตรฐานสินค้า เช่น การจัดเกรด รูปแบบการแปรรูป และการตั้งราคากลาง
4) การสร้างแบรนด์ร่วมและการเล่าเรื่องราวของสินค้า (storytelling) เพื่อเพิ่มมูลค่า
5) กําหนดการรายงานราคารูปแบบรายเดือน เพื่อป้องกันปัญหาพ่อค้าคนกลางกดราคา
6) การสนับสนุนการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการในอาเซียนเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดโลก
ด้าน Mr. Nguyen Thanh Binh ประธานสมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vietnam Fruit and Vegetables Association: VINAFRUIT) และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท Vietnam National Vegetable, Fruit and Agricultural Product Corporation., Jsc (VEGETEXCO VIETNAM., JSC) ได้ให้ข้อมูลว่า สมาคมฯ มีสมาชิกกว่า 300 ราย ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต แปรรูป ไปจนถึงส่งออก โดยเวียดนามมีผลไม้ส่งออกมากกว่า 50 ชนิด และทุเรียนถือเป็นสินค้าหลักที่มีมูลค่าการส่งออกในปี 2567 สูงถึง 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปจีนในช่วงต้นปี 2568 ลดลงกว่า 70% เนื่องจากความเข้มงวดในมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งเวียดนามยังอยู่ระหว่างการปรับตัว จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวคิดจัดตั้งสมาพันธ์ทุเรียนอาเซียน และเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ผลิตในภูมิภาค ทั้งนี้ การจัดตั้งสมาพันธ์ฯ ในเวียดนามจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนของภาครัฐหลายระดับ พร้อมเสนอให้มีการจัดตั้งทีมงานร่วมและผู้ประสานงาน เพื่อวางแผนและผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะที่ Mr. Nguyen Hoai Duong หัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และระดมมวลชน ของคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัดดั๊กลั๊ก กล่าวเสริมว่า จังหวัดดั๊กลักให้ความสำคัญกับทุเรียนในฐานะผลไม้ส่งออกสำคัญ และได้จัดตั้งสมาคมทุเรียนจังหวัดดั๊กลัก เพื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการและประสานการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกับต่างประเทศ รวมถึงได้ส่งคณะไปศึกษาดูงานที่จังหวัดจันทบุรีของไทย โดยยินดีสนับสนุนแนวคิดสมาพันธ์ทุเรียนอาเซียน และเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระดับภูมิภาคเพื่อศึกษากฎหมาย ขั้นตอนการส่งออก และมาตรฐานต่าง ๆ โดยย้ำว่า ความแตกต่างระหว่างประเทศไม่ใช่อุปสรรค หากบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
ด้าน Ms. Nguyen Thi Thanh Thuc หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการค้าของสมาคมทุเรียนจังหวัดดั๊กลัก และประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท AutoAgri Software Technology JSC กล่าวว่า ธุรกิจทุเรียนของเวียดนามยังถือเป็นผู้เล่นใหม่ แต่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสวนทุเรียนในเวียดนามมีขนาดเล็กและกระจายมาก มักปลูกแทรกกับกาแฟ จึงเสนอว่าสมาพันธ์ฯ ควรให้ความสำคัญกับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของเวียดนาม แต่ขณะเดียวกันควรขยายความร่วมมือในตลาดอาเซียนเพิ่มเติม เพื่อสร้างเสถียรภาพและอำนาจต่อรองของภูมิภาค พร้อมเชื่อมั่นว่าสมาพันธ์ฯ จะสามารถเป็นกลไกปฏิบัติที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งระบบได้
โอกาสนี้ ผู้ร่วมหารือทั้งหมดเห็นพ้องต่อแนวทางการจัดตั้งสมาพันธ์ทุเรียนอาเซียน ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมทุเรียนของภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเด็นสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานสินค้าทุเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การสร้างระบบข้อมูลการตลาดที่โปร่งใสและเป็นปัจจุบัน การพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และการสร้างเครือข่ายการจำหน่ายที่แข็งแกร่งในตลาดโลก นอกจากนี้ ยังมีความเห็นตรงกันว่าการรวมกลุ่มจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ผลิตจากภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในการเจรจาราคากับผู้ซื้อรายใหญ่ และการพัฒนาสินค้าแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ในช่วงท้ายของการหารือ ผู้แทนการค้าไทยเน้นย้ำว่าแนวคิดจัดตั้ง “สมาพันธ์ทุเรียนอาเซียน” ได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลไทยแล้ว รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการทุเรียนไทยและรัฐมนตรีเกษตรของมาเลเซียแล้ว ขณะที่เวียดนามได้เตรียมผลักดันอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะประสานงานกับผู้นำองค์กรทุเรียนในเวียดนามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่าทั้งสามฝ่าย ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ต่างเห็นพ้องในหลักการและพร้อมร่วมมือในระดับปฏิบัติการต่อไป
ด้านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมหารือ โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ ยินดีเป็นกลไกสำคัญในการประสานความร่วมมือ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนามในปีหน้า สถานเอกอัครราชทูตฯ จะสานต่อข้อเสนอของผู้แทนการค้าไทยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามเพื่อเสริมสร้างความร่วมมืออย่างยั่งยืนต่อไป