น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาตำหนิการชุมนุมของม็อบต่างๆ ทั่วประเทศว่าสร้างความเสียหาย และเป็นอุปสรรคกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยิ่งม็อบชุมนุมยืดเยื้อมากเท่าไหร่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากเท่านั้นว่า ตนเองไม่เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวโทษนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนเพียงฝ่ายเดียว เพราะม็อบในปัจจุบันไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่เคยใช้มวลชนบุกเข้ายึดสถานที่ราชการจนรัฐบาลทำงานไม่ได้เหมือนกับที่บุคคลสำคัญของรัฐบาลนี้เคยทำในอดีต ดังนั้นการชุมนุมที่เกิดขึ้น จึงไม่น่าส่งผลกระทบกับการบริหารราชการของรัฐบาลและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแต่อย่างใด แต่ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ น่าจะเกิดจากตัวของผู้นำคือ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ที่ถูกกล่าวหาจากคนส่วนใหญ่ของประเทศว่าเป็นผู้นำที่ไร้วิสัยทัศน์ ไม่เท่าทันโลกมากกว่า เพราะเศรษฐกิจไทยตกต่ำลงมาเรื่อยๆ นานแล้ว ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ดังนั้นถ้ายังวิสัยทัศน์คับแคบมองปัญหาที่แท้จริงไม่ออก ตนเองเกรงว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ได้รับการแก้ไข และคนไทยต้องยากจนลงไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติเริ่มตึงเครียด ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันป้องกันความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะรัฐบาลซึ่งรับผิดชอบสวัสดิภาพชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน จึงต้องย้ำผู้รับผิดชอบและเจ้าหน้าที่รัฐที่ติดอาวุธทุกคนว่า อย่าได้เป็นผู้ที่สร้างเงื่อนไขความรุนแรงเสียเอง เพราะช่วงนี้เริ่มสังเกตุเห็นว่ามีการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนการชุมนุมอยู่เนืองๆ จึงควรเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวังเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายหรือเหตุปะทะกันขึ้นระหว่างผู้เห็นต่าง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่บกพร่องเองเป็นอันขาด
“ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และให้ความเป็นธรรมกับผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เพราะขณะนี้มีคำครหามากมายว่าท่านปฏิบัติหน้าที่แบบ 2 มาตรฐาน ยกตัวอย่างกรณีผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองยิงการ์ดอาสาที่หน้าสภา จนป่านนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เมื่อสื่อถามถึงมือปืนเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุ รอง ผบชน.กลับอ้ำอึ้งไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด แต่พอเกิดเหตุยิงกันในม็อบราษฎร กลับรีบสรุปภายในคืนเดียวว่าการ์ดอาชีวะยิงกันเอง ทั้งที่ทางแนวร่วมการ์ดยืนยันว่าเป็นการแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ ไม่ใช่การ์ดจริง เป็นต้น
"เรื่องแบบนี้หากปล่อยให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ย่อมทำให้คนในสังคมเกิดความระแวงสงสัย และตั้งคำถามว่ารัฐบาลปฏิบัติต่อประชาชนอย่างไม่เท่าเทียมหรือไม่ แต่ทางออกง่ายที่สุดในการแก้ปัญหาให้กับประเทศอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นศูนย์รวมของความขัดแย้ง หากท่านกล้าลาออกปัญหาต่างๆ ก็จะหมดไป แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งดิ้นรนเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไปเท่าไร ความขัดแย้งจะยิ่งบานปลาย เท่ากับเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากให้กับประชาชนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว