วันที่ 11 ก.ย. 2565 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง “เอ่ยแรก การเมืองในใจประชาชน”กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง(Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,425 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8 – 10 ก.ย.65 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95
เมื่อถามถึง ความสนใจติดตามข่าวแกนนำสำคัญทางการเมือง เมื่อตอบได้มากกว่า 1 คน พบว่า ร้อยละ 40.7 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือร้อยละ 39.7 ระบุ แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 30.2 ระบุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 21.3 ระบุ อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 18.1 ระบุ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พรรคสร้างอนาคตไทย ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เอ่ยแรก หลังจากถามถึงพรรคการเมืองที่จะควบคุมบ้านเมืองให้สงบ ไม่วุ่นวาย พบว่า อันดับหนึ่งคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 39.4 อันดับสอง คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 11.0 อันดับสามคือ พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 8.5 อันดับสี่คือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 5.3 และอันดับห้าคือ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 4.2 ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เอ่ยแรก พรรคการเมืองความหวังช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พบว่า อันดับหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 20.6 อันดับสองคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 18.2 อันดับสามคือพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 15.5 อันดับสี่คือ พรรคสร้างอนาคตไทย ร้อยละ 8.5 อันดับห้าคือพรรคก้าวไกล ร้อยละ 6.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เอ่ยแรก พรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญช่วยเหลือเกษตรกร พบว่า อันดับหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 21.6 อันดับสองคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 19.8 อันดับสามคือ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 11.3 อันดับสี่คือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 10.8 และอันดับห้า คือ พรรคสร้างอนาคตไทย ร้อยละ 6.8 ตามลำดับ
สำหรับ เอ่ยแรก พรรคการเมืองที่คนของพรรค เคยทำตามที่พูด พบว่า อันดับหนึ่งคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 22.8 อันดับสองคือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 21.7 อันดับสามคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 11.4 อันดับสี่คือ พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 8.6 และอันดับห้า คือ พรรค สร้างอนาคตไทย ร้อยละ 6.4 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใด แนวโน้มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึง ปัจจุบัน พบว่า อันดับหนึ่งยังคงเป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 26.9 ในเดือน ก.ค. ร้อยละ 25.1 ในเดือนส.ค.และร้อยละ 22.1 ในเดือนกันยายน อันดับสองล่าสุดได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 18.3 อันดับสามได้แก่ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 15.6 อันดับสี่ได้แก่ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 10.4 อันดับห้า ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 8.2 อันดับหก ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทย ร้อยละ 6.5 อันดับเจ็ด ได้แก่ พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 5.4 และอันดับแปด ได้แก่ พรรค เสรีรวมไทย ร้อยละ 5.2 ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า จากผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า อารมณ์ความต้องการของประชาชนปรับเปลี่ยนโหมดจากที่ต้องการความสงบไม่วุ่นวายเพิ่มอีกโหมดหนึ่งคือความต้องการให้เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องที่พรรคการเมืองและนักการเมืองต้องจัดอันดับแข่งขันให้ถูกโหมดอารมณ์และความต้องการของประชาชนจึงจะสามารถชนะใจประชาชนได้ เพราะจะเห็นได้ว่า ถึงแม้พรรคพลังประชารัฐจะได้อันดับหนึ่งใน “เอ่ยแรก” เรื่องควบคุมบ้านเมืองสงบไม่วุ่นวายและทิ้งห่างทุกพรรคการเมืองแต่ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พรรคที่ได้อันดับหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย เพราะภาพจำและความเป็นตัวตนทางการเมือง (Political Identity) ที่เป็นแบรนด์ของพรรคเพื่อไทยในการรับรู้ของประชาชนยังยืนหนึ่ง ถึงแม้แนวโน้มจะลดลงตามกาลเวลา โดยมีพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย สลับกันระหว่างอันดับสองและสาม ส่วนพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ สลับกันระหว่างอันดับที่สี่และห้า
ผศ.ดร.นพดล กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองที่น่าจับตามองพรรคการเมืองหนึ่งเพราะกำลังได้รับความสนใจติดตามข่าวจากประชาชนและขึ้นนำหน้าพรรคการเมืองขนาดกลางในโพลครั้งนี้ ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทยที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับเป็นประธานพรรค โดยมีพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค เกาะกลุ่มกันมา
“โดยสรุป พรรคการเมืองแต่ละพรรคน่าจะนำจุดเด่นตัวตนทางการเมือง (political identity) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในการรับรู้และภาพจำของประชาชนด้านต่าง ๆ ที่สำรวจพบครั้งนี้ไปรักษาและพัฒนาต่อยอด เช่น การควบคุมบ้านเมืองให้สงบไม่วุ่นวาย การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การช่วยเหลือเกษตรกร และการทำตามที่พูด เป็นต้น ถ้าทุกพรรคการเมืองรวมพลังมุ่งป้องกันและแก้ปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนร่วมกันอย่างแท้จริงมากกว่าการแก่งแย่งแข่งขันอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัว เครือญาติและพวกพ้อง ประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอน” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว.