นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องพรรคการเมืองเสนอนโยบาย กลัวว่าจะไม่มีเงินใช้จ่าย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะต้องเตือนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ก่อนพรรคอื่น เพราะนโยบายหลังสุดของพรรค พปชร. จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล เช่น กำหนดราคาผลิตผลเกษตร ทั้ง ข้าวสาร 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท ยางพารา กิโลละ 65 บาท และ ปาล์มน้ำมัน กิโลละ 5 บาท โดยจะต้องใช้เงินเป็นจำนวน หลายแสนล้านบาท

ส่วนการขึ้นค่าแรง 400-425 บาท และ ปริญญาตรี 20,000 บาท และ ปวช. 18,000 บาท นายพิชัย กล่าวว่า จะเพิ่มต้นทุนให้กับภาคธุรกิจอย่างมาก ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังย่ำแย่ การส่งออกเริ่มติดลบ และ อาจจะติดลบต่อไปอีก ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ซึ่งหากค่าแรงและค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีก จะยิ่งสร้างปัญหาให้กับภาคธุรกิจมากครับ โดยความจริงคือรัฐบาลควรจะทยอยปรับเพิ่มค่าแรงและค่าจ้างในแต่ละปี เพื่อให้ธุรกิจค่อยๆปรับตัว

นอกจากที่รัฐบาลจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นแล้ว พรรค พปชร ยังมีนโยบายลดภาษี ทำให้รายได้รัฐลดลงอีก แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนไปดำเนินนโยบายต่างๆได้ และการลดภาษีบุคคลธรรมดาลงร้อยละ 10 จะเอื้อประโยชน์คนรวยเพียง 2 -3 แสนคนเท่านั้น ที่มีรายได้สูงและจ่ายภาษีในอัตราสูง และมีสัดส่วนการจ่ายประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้รัฐจากภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งจะทำให้รายได้หายไปอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำความเหลื่อมล้ำเพราะจะมีแต่คนรวยเท่านั้นที่ได้ประโยชน์

โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้แจกเงินสะเปะสะปะไปมากแล้ว ซึ่งเป็นการแจกแบบเกือบเสียเปล่าไม่ได้สร้างความสามารถในแข่งขันเพิ่มขึ้นให้กับประเทศแต่อย่างไร อย่างไรก็ดี การออกนโยบายเศรษฐกิจก็เป็นสิทธิของพรรคการเมือง และอยากให้ประชาชนได้พิจารณาให้รอบคอบว่าพรรคการเมืองไหนจะสร้างการพัฒนาให้กับประเทศได้อย่างแท้จริง โดยดูจากผลงานในอดีต ถ้าหาก 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น จะหวังว่าอนาคตจะทำให้ดีกว่าเดิมคงเป็นไปได้ยาก และหากมีการใช้เงินกันอย่างมากระบบการเงินการคลังของประเทศจะมีปัญหาอย่างมากได้