ไม่พบผลการค้นหา
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.) มีคำแถลงเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ดังนี้

สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ได้ทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากพฤติการณ์ล่าสุดของกำลังทหารกัมพูชาและการกระทำของบุคคลบางกลุ่มในพื้นที่ชายแดน ซึ่งได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ทั้งในลักษณะการเดินลาดตระเวนติดอาวุธ การดัดแปลงที่มั่นทางทหาร และการกระทำที่สื่อถึงความพยายามยั่วยุ โดยเฉพาะในบริเวณปราสาทตาควาย รวมถึงการปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียวโดยไม่มีการหารือล่วงหน้า

ประเทศไทยตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และยืนยันอย่างหนักแน่นว่าฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีมาโดยตลอด และมีความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายปัญหาทั้งหมดด้วยกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีบนพื้นฐานของความเคารพต่ออธิปไตยและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

ในขณะเดียวกัน ไทยยังคงมองพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาเป็นมิตรเสมอมา เราเข้าใจและแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าพฤติกรรมที่สร้างความตึงเครียดในขณะนี้เป็นผลจากนโยบายหรือคำสั่งของผู้นำระดับสูง บางคนมิได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยรวมจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่ง จนบานปลายรัฐบาลไทย โดย “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.)” หรือ Team Thailand ได้ตัดสินใจดำเนินมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในบางพื้นที่บริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดน ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย และคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที รวมทั้งมุ่งป้องกันและปราบปราม ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งรวมถึงเครือข่ายหลอกลวงประชาชนผ่านระบบ call center การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย และยาเสพติด

ขอเรียนว่า มาตรการควบคุมแนวชายแดนที่กำหนดโดยศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่

ขั้นที่ 1 : การจำกัดบุคคลที่สามารถเข้า–ออกในพื้นที่

ขั้นที่ 2 : การจำกัดเวลาเปิดจุดผ่านแดน

ขั้นที่ 3 : การปิดจุดผ่านแดนบางจุด

ขั้นที่ 4 : การปิดจุดผ่านแดนตลอดแนว

ในขณะนี้ได้มีการดำเนินการเฉพาะในขั้นที่ 1 และ 2 เท่านั้น ยังไม่มีการปิดจุดผ่านแดน และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก่อนการดำเนินมาตรการในขั้นต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้รับทราบว่ารัฐบาลกัมพูชาได้มีประกาศงดซื้อน้ำมัน จากประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนกัมพูชา ในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ขอเรียนว่าประเทศไทยมิได้มีนโยบายห้ามขายน้ำมันให้แก่กัมพูชาแต่อย่างใด ประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นในเวลาที่ผ่านมา เป็นเพียงการแสดงความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และจากบางสื่อมวลชนเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือนโยบายของรัฐบาลไทย

จึงขอเรียนชี้แจงผ่านไปยังพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาด้วยว่า ความเดือดร้อนที่ท่านประสบอยู่ในขณะนี้ มิได้เกิดจากมาตรการของฝ่ายไทย แต่เป็นผลจากการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาเอง ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดูแลความปลอดภัยรวมถึงการปกป้องคุ้มครองชุมชนไทยในกัมพูชา ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักไมตรี มองประชาชนกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้าน ที่มีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความจริงใจของฝ่ายไทยจะนำไปสู่การเจรจา และการคืนความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนโดยเร็ว

ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ยึดหลักแห่งสติและความรอบคอบ ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่ยืนหยัดปกป้องศักดิ์ศรีของชาติอย่างสง่างาม

ขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยและขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ในการร่วมกันรักษาความสงบรัฐบาลยืนหยัดเคียงข้างประชาชน และจะไม่ยอมให้สถานการณ์ใดๆ บั่นทอนความมั่นคงและศักดิ์ศรีของแผ่นดินไทย

ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.)

ทีมประเทศไทย 23 มิถุนายน 2568