งานวิจัยล่าสุดจากศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร (CRUK) ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า โรคอ้วน เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งไต มะเร็งรังไข่ และมะเร็งตับ มากกว่าการสูบบุหรี่
นอกจากนี้ งานวิจัยยังชี้ว่าปัจจุบันประชากรนับล้านๆ คนกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงมะเร็งเนื่องจากมีน้ำหนักตัวที่มากเกินพอดี และจำนวนประชากรที่อยู่ในภาวะน้ำหนักเกินยังมีมากกว่าประชากรที่สูบบุหรี่ในสัดส่วน 2 ต่อ 1
การเหยียดรูปลักษณ์
หลังจากตีพิมพ์งานวิจัยแล้ว ศูนย์วิจัยมะเร็งฯ ก็ออกมาทำแคมเปญสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนผ่านป้ายโฆษณา และในแคมเปญดังกล่าว ศูนย์วิจัยมะเร็งฯ เลือกที่จะดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการนำเสนอคำว่า "โรคอ้วน" ไว้ด้านหน้าซองบุหรี่ เพื่อตอกย้ำว่า การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปสร้างความเสี่ยงในการพัฒนาเซลล์มะเร็งได้เท่าๆ กับการสูบบุหรี่
แทนที่แคมเปญจะนำมาซึ่งการตระหนักรับรู้ถึงความเสี่ยงของโรคอ้วน ในโซเชียลมีเดียกลับมีกระแสตอบโต้กลับว่าศูนย์วิจัยมะเร็งฯ เข้าข่ายเหยียดคนอ้วน
ทวิตเตอร์ราบหนึ่ง (@KenLynch73) กล่าวว่า : "การเชื่อมโยงโรคอ้วนกับคำเตือนบนซองบุหรี่เป็นมุกเสื่อม"
ขณะที่ศูนย์วิจัยมะเร็งฯ ออกมาชี้แจงว่า องค์กรไม่มีเจตนาในการเหยียดใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ได้มีเจตนาจะเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนและคำเตือนบนซองบุหรี่ด้วยเช่นกัน แต่ต้องการออกมาทำให้ผู้คนตระหนักถึงข้อเท็จจริงจากผลวิจัยเท่านั้น
สัดส่วนมะเร็งที่เกิดจาดโรคอ้วนและการสูบบุหรี่จากงานวิจัยเป็นดังนี้
บทบาทของรัฐบาล
ศูนย์วิจัยมะเร็งฯ กล่าวว่า การสูบบุหรี่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งอันดับที่ 1 แต่ก็เป็นปัจจัยที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขณะที่โรคอ้วนตามมาเป็นอันดับที่ 2 อย่างไรก็ตาม การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงนี้ยังมีอย่างจำกัด
Photo by Julia Engel on Unsplash
ศาสตรจารย์ ลินดา บอลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการเกิดมะเร็ง จากศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า รัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการจัดการปัญหาตรงนี้ให้มากขึ้น การสร้างมาตรฐานการโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ยังดำเนินการช้าเกินไป
เธอปิดท้ายว่า ขณะที่พวกเราทราบถึงความเสี่ยงโรคต่างๆ ที่มาพร้อมกับการสูบบุหรี่ ความพยายามในการประชาสัมพันธ์ถึงความเสี่ยงของโรคที่มากับภาวะอ้วนและน้ำหนักเกินยังมีน้อยเกินไป ทั้งๆ ที่โรคอ้วนกลายเป็นตัวการสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งแล้ว
อ้างอิง; BBC, The Guardian, The Independent