คำพูดของสีที่ถูกเน้นย้ำออกมาในครั้งนี้ ถึงประเด็นการต่อต้านการเป็นเอกราชของไต้หวัน เกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลา 1 สัปดาห์ ที่รัฐสภาตรายางของประเทศ ได้ลงมติมอบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 แก่สีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์จีน นับตั้งแต่ยุคของ เหมาเจ๋อตุง
ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการแต่งตั้งตำแหน่งของรัฐบาลจีนสำคัญๆ ในคณะผู้บริหารระดับสูง ซึ่งถูกสับเปลี่ยน ช่วยตอกย้ำถึงภาพการรวบอำนาจของสีเข้ามาในมือของตัวเอง ที่มากขึ้นกว่าใน 2 วาระแรกของการเป็นประธานาธิบดีของเขา
สีกล่าวปิดการประชุมด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้แทน ที่รวมตัวกันเกือบ 3,000 คนในห้องประชุมมหาศาลาประชาชนจีน เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) ทั้งนี้ สีได้รับตำแหน่งผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนในหลายชั่วอายุคน จากพิธีที่การที่ถูกออกแบบมาอย่างระมัดระวังในกรุงปักกิ่ง เพื่อแสดงความชอบธรรมในการขึ้นครองอำนาจการปกครองจีนต่อในอีกสมัยของสี
ในคำปราศรัยของประธานาธิบดีจีนในวันนี้ (13 มี.ค.) สีเรียกร้องให้มีการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจมากขึ้นของจีน อีกทั้งประธานาธิบดีจีนยังได้เรียกร้องให้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบกับไต้หวันอย่างสันติ อย่างไรก็ดี จีนกล่าวในหลายครั้งว่า พวกเขาพร้อมใช้กำลังในการยึดไต้หวันคืนกลับมาเป็นของตัวเอง หากมีความจำเป็น
เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 มี.ค.) หลี่เฉียง พันธมิตรทางการเมืองคนสำคัญที่รู้จักกันมานานของสี ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยหลี่เฉียง เป็นอดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ เข้ามาแทนที่ หลี่เค่อเฉียง อดีตนายกรัฐมนตรีจีนคนเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำในพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนละขั้วอำนาจกับสี ที่ก้าวลงจากตำแหน่งไป หลังจากเขาอยู่ในตำแหน่ง 2 วาระตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
หลี่เฉียงมีกำหนดจะจัดการประชุมกับสื่อมวลชนผ่านทางโทรทัศน์ในวันจันทร์นี้ ท่ามกลางการแต่งตั้งตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าที่สื่อคาดการณ์เอาไว้ โดยรัฐมนตรีของจีนส่วนใหญ่จะยังคงดำรงตำแหน่งของตัวเองต่อไป
สีได้แต่งตั้งพันธมิตรในบทบาทสำคัญผ่านการสับเปลี่ยนตำแหน่งในรัฐบาลจีน ซึ่งผิดไปจากธรรมเนียมเดิม โดยสียังคงรักษา อี้กัง ไว้ในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน และ หลิวคุน ที่ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีน ทั้งนี้ ชายทั้งสองมีอายุถึงหรือพ้นวัยเกษียณอย่างเป็นทางการที่ 65 ปีแล้วทั้งคู่
แมตตี้ เบอคิงก์ ผู้อำนวยการประจำประเทศจีนของ Economist Intelligence Corporate Network กล่าวว่า "การเลือกใช้ความต่อเนื่องในบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญเหล่านี้ ชี้ให้เห็นถึงการเน้นย้ำถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นคง" ของจีน
“บางทีมันอาจเป็นการยอมรับโดยปริยายถึงความท้าทายบางประการสำหรับปักกิ่งในขณะนี้” เบอคิงก์กล่าว “ความท้าทายที่แท้จริงสำหรับการบริหารของสีในวาระที่ 3 นี้คือเขาจะจัดการกับความไม่สมดุลทางโครงสร้างในเศรษฐกิจของจีน และดำเนินการปฏิรูปที่จำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าจีนมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวได้หรือไม่”
รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 ไว้ที่ประมาณ 5% เพิ่มขึ้นจาก 3% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในผลประกอบการที่อ่อนแอที่สุดในรอบหลายทศวรรษของจีนเอง
ที่มา: