พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการว่า ตั้งแต่เข้ามารับราชการ และเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปีได้รู้จักกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งในห้วง 30 กว่าปีที่ผ่านมาได้สัมผัสกับสื่อหลายๆ คน ยังจำภาพความเปลี่ยนแปลงทั้งทางทหาร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงในการทำข่าว
แต่อยากให้สื่อมวลชน ยึดความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระและอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ส่วนการพาดหัวข่าวทั้งหลาย ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน ที่จะดึงดูดให้เว็บไซต์ เพจ หนังสือพิมพ์ ของตัวเองเพื่อเรียกคนดู เปรียบเหมือนการตลาด อย่างหนึ่งที่เป็นเทคนิค ดังนั้นข้างในเนื้อหา อาจจะไม่เกี่ยวข้อง
เมื่อครู่มีคนถามว่าตนสนใจ สื่อโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เล่นเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม อยากจะบอกว่าที่สนใจก็เพื่อจะดูถึงความเปลี่ยนแปลงที่ตนพูดมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ หรือพูดบนเวทีก็ตาม
ทั้งนี้ทหารสิ่งสำคัญมากที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่สามารถจะถ่ายทอดความรู้สึกของเราในฐานะผู้บังคับบัญชาผ่านทางแอปพลิเคชันใดก็ตามในโลก ที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราดูแลเอาใจใส่เขา ได้เท่ากับที่เราลงไปทำจริงๆ
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวของ ผู้บัญชาการทหารบก แต่ละคนต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ส่วนตัว เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่า อยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะโดนมาเยอะ ตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลายๆ ฉบับมาตลอด หลายอย่างที่พูดออกมา ก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้น หากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง
หลังจากเกษียณราชการไป ตนคงไม่มีโอกาสมาให้ข่าวสื่อ แต่ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณจริยธรรม เป็นสิ่งที่เรายังต้องดำรงอยู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม การรักใคร ชอบใคร ต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศชาติบ้านเมือง ที่มีอัตลักษณ์ของประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองจะเชียร์หรือด่า ตนไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้โกรธ หรือ น้อยใจ
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ แนะนำสื่อไปดูหนัง The social dilemma มีเนื้อหาเกี่ยวกับเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่าประสบการณ์ของผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย และพูดถึงผลลัพธ์จากการเสพสื่อโซเชียลเป็นประจำ ทั้งผลดีและผลเสีย