อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. กล่าวภายหลังลงพื้นที่เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ว่า ปตท.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหาย
โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 ราย ซึ่งขณะนี้ปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว 37 ราย ในการนี้ ปตท.พร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าความเสียหายของทรัพย์สินอย่างเต็มที่และดีที่สุด อีกทั้ง ปตท.จะมอบเงินเยียวยาเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5,000,000 บาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 500,000 บาท ผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รายละ 50,000 บาท
สำหรับการชดเชยบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เกิดความเสียหาย อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าและจะบรรเทาผลกระทบให้ดีที่สุดโดยเร็ว นอกจากนั้น ปตท.ได้ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ จัดเตรียมที่พักชั่วคราว ณ วัดเปร็ง-ราษฎร์บำรุง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกครัวเรือน และจัดหาที่พักรองรับในช่วงระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือน
ทั้งนี้ ผู้บริหารและทีมงานของ ปตท.เร่งเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ และเร่งฟื้นฟูความเสียหายและสภาพแวดล้อมในชุมชน ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
พร้อมกันนี้สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมายให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นผู้แทนกระทรวงพลังงานในการประสานงานหลัก บัญชาการและบริหารสถานการณ์ดังกล่าวในส่วนของกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด
อรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การประกอบกิจการขนส่งก๊าซฯ ผ่านระบบท่อที่ผ่านมา ปตท.ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ASME B31.8 อย่างเคร่งครัด มีการบำรุงรักษาและตรวจสภาพท่อส่งก๊าซฯ เป็นประจำและต่อเนื่องให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย โดยผลการตรวจสอบท่อส่งก๊าซฯ คู่ขนาน (เส้นที่ 2) บนบกที่เกิดเหตุด้วยกระสวยตรวจสอบท่อ (Intelligent PIG) ล่าสุด ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ปตท.ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างรัดกุม จะเร่งดำเนินการหาสาเหตุที่แท้จริงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภายนอกโดยเร็ว
ทั้งนี้ การลงพื้นที่เกิดเหตุวันนี้มีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ลงพื้นที่เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เร่งเยียวยา ให้กำลังใจ และมอบถุง ยังชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ
สภาวิศวกรประเมินสาเหตุเบื้องต้นท่อฉีกขาด ดันเศษดินกระจายแตะสายไฟฟ้าแรงสูง
ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร กล่าวภายหลังนำผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่สำรวจจุดที่เกิดเหตุก๊าซรั่วบริเวณท่อส่งท่อก๊าซธรรมชาติและพื้นที่รอบๆ ว่า จากการลงพื้นที่ในวันนี้ (23 ต.ค.) เห็นสภาพความฉีกขาดของท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งท่อส่งก๊าซส่งมาจาก จ.ชลบุรี ผ่านบางปะกงไปถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นท่อขนาด 36 นิ้ว ความหนา 1.5 เซนติเมตร ความลึก 4 เมตร เพราะจะต้องลอดใต้ถนนอ่อนนุชเทพราช
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่ระเบิดคือท่อฉีกขาด โดยปกติก๊าซจะใช้แรงดันสูง เพราะต้องเดินทางเป็นร้อยกิโลเมตร เมื่อท่อฉีกขาดแรงดันทำให้ดินทะลักขึ้นมา และดินอาจจะมีเศษลอยขึ้นสูงไปแตะกับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดประกายไฟและเมื่อก๊าซลอยไปเจอกับประกายไฟ ทำให้เกิดระเบิดขึ้น นั่นคือข้อสันนิษฐานเบื้องต้น หลังจากลงพื้นที่แต่ยังไม่สามารถระบุที่แน่ชัดได้ว่าทำไมท่อถึงฉีกขาด
รศ.เอนก ศิริพานิชกร รองประธานอนุกรรมการประสานงานด้านภัยพิบัติ สภาวิศวกร กล่าวว่า อยากให้กระทรวงพลังงานให้ข้อมูลกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กทม. กรมทางหลวง จะได้มีการระวังมากขึ้นในการขยายเมืองการขยายถนนการสร้างหมู่บ้านต่างๆ ฝากถึงประชาชนไม่ควรหวั่นวิตก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ควรทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ท่อส่งก๊าซ ให้สังเกตป้ายเตือนหรือรอยฉีกขาด หากพบก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันที
วัดปริมาณก๊าซล่าสุดเป็นศูนย์แล้ว ปตท.ส่งโดรนบินเฝ้าระวังเป็นระยะๆ
อาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) และชายชาญ เตโชทินกร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบกรณีเหตุระเบิดท่อส่งก๊าซเอ็นจีวีของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งมาจากแหลมฉบังเกิดการระเบิดขึ้นบริเวณนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิภายในซอยโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดีใกล้กับสถานีตำรวจภูธรเปร็ง อ.บางบ่อ จ. สมุทรปราการ
ภาพรวมจากการระเบิดส่งผลให้ก๊าซเอ็นจีวีฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟระเบิดขึ้นในรัศมีประมาณ 300 เมตร มีอาคารบ้านเรือนและยานพาหนะรับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งสถานีตำรวจภูธรเปร็งและโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดีบางส่วนได้รับความเสียหาย มีการเผาไหม้เศษหญ้าอาคารยานพาหนะต่างๆ แม้จะควบคุมเปลวไฟได้แล้ว แต่ยังมีควันจากการเผาไหม้หลงเหลือ
ทั้งนี้จากการตรวจวัดค่าปริมาณก๊าซด้วยอุปกรณ์ภาคสนามแบบพกพาพบมีค่า Lower Explosive Limit (LEL) ปริมาณเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของสารไวไฟบริเวณที่มีอันตรายน้อยลง (Warm Zone) ใกล้กับบริเวณอันตราย (Hot Zone) มีค่าเท่ากับ 0 ซึ่งบริเวณอันตราย (Hot Zone) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดส่งโดรนเข้าวัดในพื้นเพื่อเฝ้าระวังเป็นระยะ
ขณะที่การตรวจวัดค่า Lower Explosive Limit (LEL) บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงประกอบด้วยบริเวณสถานีตำรวจภูธรตำรวจเปร็งมีค่่า LEL เท่ากับ 0 บริเวณร้าน7-11มีค่าเท่ากับ 0 เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในบริเวณอันตราย (HotZone) พร้อมให้ผู้เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนในป้องกันตนเองจากควันและมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: