สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่าก่อนเข้าประชุมพิจารณาตามวาระปกติมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอหารือเรื่องเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญของ วรวิทย์ กังศศิเทียม ว่าเมื่อมีอายุครบ 70 ปีตามรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วจะเป็นผู้มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอันเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 208 วรรคสี่ บัญญัติว่าในกรณีที่มีปัญหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตาม (1) หรือ (3) หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 203 เป็นผู้วินิจฉัยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด
และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 22 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่าเมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตามสมควรว่าตุลาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 18 (1) หรือ (3) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับการร้องขอและให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วในการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมากกรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้ตุลาการผู้ที่เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องของตนไปยังเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องขอดังกล่าวไปให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาต่อไป ส่วนวาระการประชุมอื่นๆ ให้เลื่อนไปเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพิ่มเติม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาเนื่องจากรัฐธรรมนูญ ปี 2550 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 9 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องใดมาถึงก่อนหลัง กรณีของวรวิทย์ จะอายุครบ 70 ปีก่อนถึงวาระ 9 ปี ซึ่งวรวิทย์ ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2557 และอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐรรมนูญมาแล้ว 7 ปี 6 เดือน
สำหรับรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 7 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี แต่สามารถขยายอายุไม่ให้เกิน 75 ปี ได้
สำหรับ วรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งมีอายุครบ 70 ปี เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา (เกิด 1 มี.ค.2495) ทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับคุณสมบัติ ของ วรวิทย์ ว่า จะยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือรัฐธรรมนูญปี 2560