นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและอดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ กล่าวถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งโครงการ "ชิมช็อปใช้", การเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ผู้สูงอายุและผู้ดูแลบุตร เป็นเวลา 2 เดือนว่า ล้วนเป็นข้ออ้างในการสร้างคะแนนนิยทางการเมืองและรักษาฐานเสียง คือฐานเสียงเก่าที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะชื่นชอบนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับฐานเสียงใหม่ที่จะได้จากการใช้เงินผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายรวมราว 25 ล้านคน
แม้รู้ว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ก็ไม่สนใจ หรือรู้ว่าคนไม่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมด แต่ก็หวังเก็บตวงฐานเสียงให้มากที่สุด ส่วนมาตรการพักชำระเงินต้นกองทุนหมู่บ้านและช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง ก็เป็นนโยบายทั่วไปที่ทุกๆ รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว หากไม่ดำเนินการก็จะถูกเรียกร้องหรือโจมตี
ไทกร ยืนยันว่า มาตรการต่างๆ ที่ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่รัฐบาลอ้าง เพราะเงินจะไหลเข้าสู่ทุนขนาดใหญ่หรือเจ้าสัว ไม่ได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีข้อจำกัดจากการเติมเงินเข้า e-money ซื้อสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านแอปพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ เจอกัน ซึ่งมีเฉพาะบางร้านค้าหรือบางสถานประกอบการจำนวนน้อยเท่านั้น
พร้อมเสนอว่า หากรัฐบาลจริงใจและต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ต้องนำงบประมาณมาสร้างงานโดยเฉพาะในชนบท ให้แต่ละครอบครัวในชุมชนรับจ้าง อย่างการขุดคลองขนาดเล็ก การวางท่อส่งเพื่อผันน้ำ ในช่วงภัยแล้ง หรือการทำผนังคอนกรีตเสคิมเหล็กริมคลองหรือเเหล่งน้ำ ซึ่งนอกจากช่วยบรรเทาภัยแล้งได้แล้ว ยังเกิดการสร้างงานให้เม็ดเงินกระจาย เกิดการหมุนเวียน ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงจรตั้งแต่ระดับรากฐานได้
อย่างไรก็ดี ที่สำคัญ รัฐบาลต้องยอมรับความจริง เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและพูดความจริงกับประชาชน ซึ่งจำเป็นระดมผู้มีความรู้รวมถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล มาช่วยแก้ปัญหา เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลใช้ทีมเศรษฐกิจและชุดความคิดรวมถึงวิธีการเดิมๆ ตั้งแต่ยุค คสช. ที่ล้มเหลวในการพัฒนาและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และหากปล่อยไปเช่นนี้ นอกจากรัฐบาลตายทางการเมืองแล้ว ประชาชนก็จะอดตายด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :