พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่จะมี ส.ส. ร่วมกันเสนอชื่อให้สอบจริยธรรมของตนเองนั้น ใครอยากสอบก็สอบไป หากข้อกฎหมายสามารถทำให้นายกฯเคารพกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองก็เคารพในกระบวนการทางกฎหมายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงในเรื่องอื่นๆ ที่ได้โดนตรวจสอบมาแล้ว ยืนยันว่าตัวเองไม่หนี และพร้อมให้ตรวจสอบทุกเรื่อง 

ส่วนประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบนั้น เรื่องนี้ตนเองได้ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่ที่ยังมีผู้ติดใจว่าคำชี้แจงไม่ชัดเจน ก็เป็นเรื่องของในรายละเอียด ซึ่งตนเองทราบดีว่ามีคนต้องการให้นายกรัฐมนตรีพูดเอง เขาต้องการให้พูดอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการที่จะนำไปสู่ความเชื่อมโยงต่างๆและต้องรับผิดชอบคำพูดทุกคำ

"ตนเองไม่อยากพูดเพราะทุกคนก็คนไทยด้วยกัน ไม่อยากสู้กับคนไทยด้วยกันเอง ควรเอาเวลาไปสู้กับปัญหาอื่นๆจะดีกว่าเช่นเศรษฐกิจภายในประเทศเศรษฐกิจโลกและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนที่มีการเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเองนั้น ก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ แต่ขอให้ทุกคนอย่าลืมว่าประเทศชาติเผชิญกับอะไรมาที่ผ่านมาใครทำอะไรไว้บ้าง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงเอกสาร ขบวนการทำลายชาติ ซึ่งปรากฏอยู่บนโต๊ะของตัวเองในวันที่ไปชี้แจงเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่สภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มีการตีความ กระทบหรือไปเชื่อมโยงกับใครแต่เป็นเอกสารเรื่องรายละเอียดของความมั่นคง ในหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งบังเอิญติดกระเป๋าก็นำออกมาดูแต่นั้นเอง แต่สื่อก็มาถ่ายภาพแล้วนำไปเชื่อมโยงในจังหวะที่มีผู้กำลังอภิปราย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาถ่ายรูปนายกรัฐมนตรีคนเดียวหรือจะให้ทำหน้ายิ้มหน้าหล่อตลอดเวลา ตนเองจะพักผ่อนหรือไม่อิริยาบถสบายๆบ้างไม่ได้หรืออย่างไร ตนก็เป็นผมต้องมีสิทธิส่วนบุคคลบ้าง

ส่วนแนวคิดการย้ายเมืองหลวงนั้น เป็นเพียงแนวคิดที่จะรองรับการเติบโตของประชากรในอนาคตและกระจายความเจริญของกรุงเทพมหานครให้ไปอยู่บริเวณรอบนอกบ้างเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดมากเกินไป แต่ก็ต้องฟังความเห็นของประชาชนด้วยเพราะธรรมชาติของคนไทยไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง