ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯแพทองธาร ชี้แจง เลื่อนการเจรจา 'ภาษีสหรัฐ' ย้ำต้องพิจารณาอย่างรอบคอบคลุมทุกมิติ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ

วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงประเด็นการเลื่อนเจราเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับสหรัฐฯ ว่าในประเด็นการเจรจาเพื่อพูดคุยได้มีการเลื่อน ซึ่งทางด้านประเทศไทยทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้มีการพูดคุยกันถึงมาตรการการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เมื่อมีการส่งทีมล่วงหน้าไป มีสาระสำคัญบางอย่างที่ต้องกลับมาทบทวนในเรื่องที่จะเจรจา ซึ่งจะมีการนัดหารือกันอีกครั้ง แต่ในส่วนของรายละเอียดว่าเป็นเรื่องหรือประเด็นไหน จะให้ทางด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงในรายละเอียดต่อไป

นายกฯแพทองธาร กล่าวต่อว่า ในส่วนของประเด็นที่มีฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลรื้องบประมาณปี 2569 และเห็นด้วยหากรัฐบาลจะออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อรับมือภาษีสหรัฐ เรื่องดังกล่าวต้องรับฟังทุกความคิดเห็น ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาประกอบกันว่าจะเกิดผลอย่างไร ต้องคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวด้วย หากในระยะยาวมีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหนซึ่งก็จะต้องให้ทีมทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกทีหนึ่ง ในส่วนของประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเจรจาด้วยตนเองนั้น จะต้องมีการพิจารณาดูถึงระดับการพูดคุยกันก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนเองพร้อมที่จะไปพูดคุยเจรจาอยู่แล้ว

นายกฯแพทองธาร กล่าวว่า ประเทศไม่ได้ช้าเกินไป เนื่องจากสหรัฐฯ ประกาศระยะเวลา 90 วันก่อนขึ้นภาษีจะมีผล ซึ่งตอนนี้ได้ทบทวนและพูดคุยกับทีมเจรจาอย่าไม่เป็นทางการว่า มีเรื่องใดบ้างที่เราควรจะพูดคุยกัน เพราะบางเรื่อง เช่น ภาษีที่เขาเสียให้เราแพงเกินไปก็ดูเหมือนว่าควรจะปรับให้สมเหตุสมผล เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งขณะนี้ทีมทำงานกันอย่างละเอียด ซึ่งถ้าถามว่ามีความล่าช้าหรือไม่ ย้ำว่า ไม่ช้าเกินไป

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย นายกฯแพทองธาร กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีความลำบากค่อนข้างที่จะฝืดเคืองพร้อม ๆ กัน ซึ่งเราต้องค่อย ๆ จัดการด้วยความรอบคอบและต้องมีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ ทีมทุกคนกำลังทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง และรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน เพราะฉะนั้นคิดว่าทำดีที่สุดในสถานการณ์นี้ 

นายกฯแพทองธาร กล่าวต่อไปถึงประเด็นการร่วมมือกันของกลุ่มประเทศอาเซียนในการเจรจา ว่า ได้มีการพูดคุยกันกับทางด้าน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการเล็กน้อยในเรื่องของการร่วมมือ และการที่จะตนเองจะเดินทางไปเยือนกัมพูชาระหว่างวันที่ 23 – 24 เม.ย นี้ ก็จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง 

ในส่วนของประเด็น ผลจากขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลให้รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ซึ่งต้องรอดูว่าในส่วนที่เราจะปรับปรุงได้เราจะสามารถทำได้แค่ไหน แต่เป็นที่แน่นอนว่าเราต้องดูในเรื่องของผู้ประกอบการและเกษตรกรของเราด้วยว่าที่ส่งออกไปเป็นอย่างไร และการนำเข้าของสินค้าจำเป็นของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นได้หรือไม่เพื่อที่จะให้ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และพยายามรักษาผลประโยชน์เกษตรกรและผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของประเด็นการบาลานซ์ของไทยกับประเทศมหาอำนาจซึ่งจีนออกมาเตือนว่าหากมีการยอมให้กับสหรัฐฯ มากเกินไปจนกระทบการค้าขายจีน ก็อาจโดนมาตรการตอบโต้ด้วยเช่นกัน นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าการเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ ถึงแม้ไทยจะเป็นประเทศเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ต้องเจรจาให้เหมือนกับว่าให้ประโยชน์เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ไม่ได้เจรจาเหมือนกับว่าเป็นประเทศที่เล็กมากต้องยอมทุกอย่าง ซึ่งไม่ได้อยู่แล้ว ทุก ๆ ประเทศมีความสำคัญเหมือนกันเพราะฉะนั้นการเข้าไปคุยต้องมีกระบวนการคิดที่เข้าไปคุยซึ่งตนเองได้คุยกับทีมไปว่า การที่ไปคุยกับไม่ใช่เป็นการเทหมดหน้าตัก เพราะผู้ประกอบการกับเกษตรกรมีความสัมพันธ์กับจีนมากเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับสองประเทศมหาอำนาจ ก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้นต่อไป เพราะฉะนั้นทั้งสองประเทศเราต้องบาลานซ์ให้ดี