นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน วันที่ 9 ก.ค. นั้น ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนางนาที กรณีพันจากตำแหน่ง ส.ส.เนื่องจากยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2556 โดยนางนาทีได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2557
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบปรากฏว่า นางนาทีไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของตนเอง ในท้องที่ จ.พัทลุง จำนวน 2 แปลง มูลค่า 2,000,000 บาท และหนี้สินของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ (คู่สมรส) จากการกู้ยืมเงินบุคคลอื่นและหนี้ตามสัญญาซื้อขายหุ้น จำนวน 93,039,949 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินที่ไม่แสดง จำนวน 95,039,949 บาท สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นางนาที และนางนาทีได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเมื่อเดือนพ.ย. 2561 และมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 9 เสียง ว่านางนาทีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1), มาตรา 81,มาตรา167 ประกอบมาตรา 188
วิษณุ ชี้ความผิดของตัวบุคคลไม่กระทบคู่สมรสนั่ง รมต.
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนางนาทีอยู่ระหว่างที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนหลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นเท็จเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส. สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ตามหลักการกรณีนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวหากศาลมีคำวินิจฉัยว่ามีความผิดบุคคลที่ถูกร้องก็จะสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ไป ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นสามีหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า การไม่ยื่นหรือยื่นไม่ครบเป็นความผิดทางอาญา กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับผิดไป แต่จะมีความเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องดูกฎหมายเป็นหลัก