ไม่พบผลการค้นหา
'วิษณุ' ชี้ พระชู 3 นิ้ว ไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่เป็นโลกวัชชะ ชาวโลกติเตียน ไม่สมควรทำ ขณะร่วมชุมนุมส่งขัดคำสั่งเถรสมาคม คำร่วมปราศรัยการเมือง ด้าน 'อนุชา' ให้ พศ.ตรวจสอบ เหตุไม่ใช่กิจของสงฆ์

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ร่วมชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการผิดวินัยหรือไม่ ว่า เป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคม ที่พระจะต้องไม่ไปร่วมปราศรัยใจในทางการเมือง เพราะฉะนั้นหากมีอะไรผิดก็ให้พระสังฆาธิการ คือพระผู้ปกครองบังคับบัญชา ตักเตือนหรือดูแลรับผิดชอบ ทางนี้หากผิดอาจสั่งให้สละสมณเพศได้ ซึ่งเป็นกฎกติกาที่ปฏิบัติมานานแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนี้ และตนไม่ขอพูดเรื่องพระธรรมวินัย ขอพูดแต่เรื่องข้อบังคับของมหาเถรสมาคมที่มีอำนาจในการปกครองบังคับบัญชา 

ทั้งนี้ เมื่อถามย้ำว่า สังคมย้อนกลับไปตั้งคำถามถึงพระสงฆ์ที่ร่วมชุมนุมในอดีตแต่ไม่ได้ถูกดำเนินการ วิษณุระบุว่า ที่มาการเคลื่อนไหวเป็นเหตุจากการเคลื่อนไหวในครั้งนั้น จึงเป็นที่มาของมติดังกล่าว 

ส่วนพระสงฆ์ที่แสดงออกชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว จะผิดวินัยสงฆ์หรือไม่นั้น วิษณุ ระบุว่า จะบอกว่าผิดก็คงไม่ใช่ผิดพระธรรมวินัย หรือผิดคำสั่งทีละสมาคมก็ไม่ใช่ เพราะก็ไม่เคยนึกถึงก็ไม่เคยนึกถึงว่าเรื่องนี้ อาจจะเป็นแต่อาจจะเป็น 'โลกวัชชะ' เป็นสิ่งที่ประชาชนรู้สึกติเตียน แต่ก็ไม่ใช่การผิดวินัย เช่นเดียวกับพระสะพายกระเป๋าแบรนด์หรู แม้ไม่ผิดวินัยแต่ไม่ควรทำ 

ส่วนกรณีสำนักจุฬาราชมนตรี จัดงานแสดง รวมพลังมุสลิมปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำให้แกนนำผู้ชุมนุมออกมา วิจารณ์ความเหมาะสมของผู้นำทางศาสนา ว่า เป็นสิทธิ์ของมุสลิมท่านจะดำเนินการ คนไม่ขอลงความเห็น เพราะจุฬาราชมนตรีได้อธิบายไปแล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ และทำในเรื่องของพระมหากษัตริย์อย่างอื่นไม่เกี่ยว


'อนุชา' ให้ มส.ตรวจสอบพระร่วมม็อบ

อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏพระสงฆ์เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองว่า เป็นหน้าที่ของมหาเถรสมาคม (มส.) ที่จะต้องพูดคุยกันอย่างเร่งด่วน โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจะต้องติดตามว่า เป็นพระจริงหรือไม่ และจะต้องดำเนินการตามวินัยสงฆ์ เพราะการชุมนุมดังกล่าว ไม่ใช่กิจของสงฆ์ รวมถึงมั่นใจว่า ประชาชนคงไม่อยากเห็นภาพพระสงฆ์ ชุมนุมทางการเมือง จึงกำชับสำนักงานพระพุทธศาสนาไปตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นพระจริง เจ้าอาวาสวัดจะต้องตักเตือน แต่หากยังไม่ปฏิบัติตาม ก็จะต้องดำเนินการตามหลักปฏิบัติของคณะสงฆ์ต่อไป โดยส่วนตัวไม่อยากกล่าวถึงเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องอ่อนไหว จึงไม่ขอก้าวล่วงว่าผิดหรือไม่ เพราะทุกคนต้องอยู่ภายในกฎหมาย 

อนุชา ยืนยัน เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช เพื่อหารือใด ๆ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ที่น่าจะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว เพราะสังคมจับตามอง

อนุชา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐหรือ​ พปชร.​เข้าชื่อกับวุฒิสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ชอบหรือไม่ เพียงแต่ระบุว่า เป็นเรื่องภายในพรรค ที่มีการพูดคุยกันไปแล้ว และยืนยันว่า ไม่ใช่การเล่นเกมการเมือง แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น จึงไม่มีสาเหตุที่จะเล่นเกมการเมืองใด ๆ พร้อมย้ำว่า พรรคสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณา

'ศรีสุวรรณ' ร้อง มส. - พศ.เร่งจับสึกเหล่าอลัชชีร่วมม็อบการเมือง

ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงมหาเถรสมาคม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับ ดูแล สำนักงานพระพุทธฯ เนื่องจากเห็นว่ามีพระภิกษุ-สามเณร ออกมาร่วมชุมนุมสาธารณะหรือประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งสื่อมวลชนละประชาชนได้ถ่ายรูปหน้าตานำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เป็นที่ครหา ข้อตำหนิติเตียนของพุทธมามกะเป็นอย่างมาก

"พฤติกรรมและการแสดงออกดังกล่าวภิกษุ-สามเณรเหล่านั้นมิได้ละอายต่อการกระทำของตนแต่อย่างไร และในทางพุทธศาสนามักเรียกขานว่า “อลัชชี” ซึ่งหมายถึงภิกษุผู้ประพฤตินอกจารีต หรือภิกขุผู้มักประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ ซึ่งกระทำตนมิให้เป็นที่เคารพกราบไหว้ของอุบาสก-อุบาสิกา หรือผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธแต่อย่างใด แต่ทำให้ภิกษุ-สามเณรทั่วประเทศที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลอยู่ในธรรมพลอยมัวหมองตามไปด้วย แต่หากไม่สามารถปฏิบัติได้ ก็ควรสึกออกไปเป็นฆารวาสเสีย อย่าทำให้ผ้าเหลืองมัวหมอง"

ทั้งนี้ ภิกษุ-สามเณร ต่างมีศีลบัญญัติและข้อห้ามซึ่งทางมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของภิกษุ-สามเณรเป็นผู้ออกคำสั่งไว้แล้ว คือคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง 2538 ข้อ 4 ข้อ 6 ข้อ 7 ที่สั่งห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุมทางการเมืองไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ และห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเมืองซึ่งจัดตั้งขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด หากฝ่าฝืนมีโทษตั้งแต่ขั้นตักเตือนไปจนถึงจับสึกได้

ศรีสุวรรณระบุว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้องรูปถ่ายหน้าตาภิกษุ-สามเณรต่างๆที่มาร่วมม็อบในแต่ละม็อบ รวมทั้งภิกษุที่กราบไหว้ฆราวาส(อดีตพุทธอิสระ)ด้วย เพื่อนำไปร้องเรียนและมอบให้มหาเถรสมาคมและ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งนายอนุชา นาคาศัย ในฐานะผู้กำกับ ดูแลสำนักพุทธฯ เพื่อให้เร่งเอาผิด ลงโทษ และหรือจับภิกษุ-สามเณรที่ทำตนเป็นอลัชชีเหล่านี้ให้สึกออกไปจากเพศบรรพชิตเสียให้หมด และจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามกฎหมาย เพื่อมิให้มากระทำตนแปดเปื้อนต่อบวรพุทศาสนาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :