นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศวันนี้ ช่วงเช้าราคาพุ่งแรง เปิดตลาดพุ่งถึงบาทละ 350 บาท โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา ราคารับซื้อทองคำประจำวันที่ 20 มิ.ย. อยู่ที่บาททองคำละ 20,150 บาท ขายออก 20,250 บาท หรือเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 350 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 19,783.80 บาท ขายออก 20,750 บาท
ส่วนราคาทองต่างประเทศ (ราคาสปอต) อยู่ที่ 1,393.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 63 เดือน หรือ 5 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2556 ก่อนที่จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,378.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในเวลาถัดมา
"ราคาทองคำในประเทศวันนี้ ขยับขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี ตามการขยับขึ้นของราคาทองคำในต่างประเทศ เมื่อคืนนี้ หลังจากการประกาศผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในปีนี้ จึงดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น" นายจิตติ กล่าว
พร้อมกับประเมินแนวโน้มราคาทองคำภายในประเทศในระยะข้างหน้าว่า มีโอกาสขยับขึ้น ทั้งจากปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐ หากมีการปรับลดตามคาดการณ์ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว
"คำแนะนำสำหรับนักลงทุนคือ ตอนนี้เป็นจังหวะขายทองทำกำไร และไม่มีใครบอกได้ว่า ราคาทองจะขึ้นไปถึงจุดไหน แต่วันนี้ ก็นับว่า ขึ้นมาเยอะแล้ว" นายจิตติ กล่าว
ส่วนร้านค้าทองคำในพื้นที่ต่างๆ คิดว่า มีเงินสดสำรองและสามารถบริหารจัดการได้ ในกรณีที่มีผู้ถือทองนำทองออกมาขายทำกำไรจำนวนมากในวันนี้
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าร้านค้าทองในเยาวราชคึกคักมีลูกค้ามาขายทองคำจนล้นทะลัก เพราะราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติในรอบหลายปี ดังนั้นคนที่เก็บทองมานาน จึงนำออกมาขายทำกำไร
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปต้องระวังแรงซื้อสวน เมื่อมีคนนำทองคำออกมาขายจำนวนมาก อาจทำให้บางช่วงราคาทองลดลงและเกิดแรงซื้อสวนได้
ทั้งนี้ นอกจากราคาทองคำจะพุ่งขึ้นในวันนี้ ค่าเงินบาทในประเทศก็เปิดตลาดแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 31.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.2562) นับเป็นการแข็งค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2556 โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นตามสกุลเงินต่างๆ ในภูมิภาค
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
โดยเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) โดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามคาดที่ระดับร้อยละ 2.25-2.50 พร้อมกับระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือน พ.ค. บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง ทั้งนี้ การจ้างงานโดยเฉลี่ยมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกันแม้ว่าการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัวขึ้นในช่วงต้นปีนี้ แต่สัญญาณบ่งชี้ถึงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจได้ชะลอตัวลง
ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายผ่อนคลายการเงินไว้ในการประชุมวันนี้ (20 มิ.ย.) โดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับใกล้ศูนย์ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ