นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าว 17 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 205 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 526 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมที่ใช้กับเครื่องขึ้นรูปพลาสติก การออกแบบผลิตภัณฑ์และการใช้งานโปรแกรม CAD NX สำหรับการขึ้นรูปชิ้นงาน องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเครื่องประดับชนิดต่างๆ องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์นิรภัยของยานยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของเครื่องบดดิน หินและส่วนต่อสำหรับเคลื่อนย้ายเครื่องบดดิน หิน เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่
ทั้งนี้ ในเดือน ก.พ. 2562 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเท่ากับเดือนก่อน ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 เนื่องจากในเดือน ก.พ. 2562 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง คือ การทำกิจการบริการทางวิศวกรรมด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการงานวิศวกรรม การจัดหา ติดตั้ง และทดสอบการใช้งานของระบบเครื่องบดดินหรือหินกึ่งเคลื่อนที่โครงการแม่เมาะ เป็นต้น
ส่วนในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 34 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 395 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 23 ขณะที่เงินลงทุนลดลง 787 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67 เนื่องจากในปี 2561 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการออกแบบทางวิศวกรรมและติดตั้งเหล็กโครงสร้างรูปพรรณและผลิตภัณฑ์คอนกรีต บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น