ไม่พบผลการค้นหา
รายงานของ Oxfam ระบุว่า ภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุให้ในทุกๆ ปีจะมีประชากรทั่วโลกว่า 20 ล้านคนต้องอพยพออกจากถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเอง

รายงานฉบับล่าสุดของ Oxfam ระบุว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกๆ ปี ประชากรทั่วโลกประมาณ 20 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้อพยพจากถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมของตน โดยเฉพาะในประเทศยากจนที่มีความเสี่ยงต่อการต้องอพยพโยกย้ายมากกว่าในประเทศที่ร่ำรวย แม้ว่าในประเทศยากจนเหล่านี้จะมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำกว่าก็ตาม'

ด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์พบว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่มีการอพยพเพราะภัยพิบัตินั้นอาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย ขณะที่ประเทศที่เป็นหมู่เกาะอย่างคิวบา โดมินิกัน และตูวาลูนั้นพบว่าในช่วงตั้งแต่ปี 2008-2018 เป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการอพยพโยกย้ายของประชากรจากภัยพิบัติสูงที่สุด 

ในรายงานยังระบุว่า ความเสี่ยงของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ประชากรทั่วโลกจะต้องเผชิญนั้นมีความเสี่ยงจากน้ำท่วม พายุไซโคลนหรือพายุไต้ฝุ่นและไฟป่า มากกว่าการระเบิดของภูเขาไฟและแผ่นดินไหวถึง 7 เท่า ขณะที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้จะทำให้ผู้คนอพยพโยกย้ายมากกว่าความขัดแย้งต่างๆ ถึง 3 เท่า

ทิม กอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสภาพภูมิอากาศและความยุติธรรมด้านอาหาร กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างร้ายแรง เช่น พายุไซโคลนได้รับความสนใจจากทั่วโลกและการช่วยเหลือ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีปัญหาที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ อย่างการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลกเช่นกัน เช่น บริเวณชายฝั่งทะเล ทำให้ประชาชนไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้ประชาชนต้องละทิ้งถิ่นฐานของตนเพื่อไปหาพื้นที่เกษตรที่ดีกว่า

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า การย้ายถิ่นฐานนั้นยังก่อให้เกิดราคาต้องจ่ายที่สูง โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเงิน และกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ 'กลุ่มผู้หญิง' ในประเทศที่ยากจน

ขณะที่ในบทวิเคราะห์ความเสียหายของทาง Oxfam ระบุว่า ภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชาติและมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มประเทศที่เป็นหมู่เกาะ 

ทั้งนี้ทาง Oxfam ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกจัดตั้งกองทุน ‘Loss and Damage’ fund เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและยังเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจังมากขึ้น

ที่มา CNN / reliefweb