พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมด้วยพลเอกวิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ส้มตำ ไก่ย่าง พบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการรับประทานอาหารร่วมกันครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่
โดยนายกรัฐมนตรีรับประทานอาหาร พร้อมบอกเล่าการทำงานและตอบคำถามสื่อไปพร้อมๆ กันว่า การทำงาน 5 ปีที่ผ่านมาว่า มีความคาดหวังให้สำเร็จในหลายเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่สามารถสำเร็จได้ในวันนี้ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อ ในสิ่งที่ทำไว้ ส่วนเรื่องการทำงานขงรัฐบาลใหม่ ในเดือนหน้านี้ ซึ่งจะมีการประชุม อาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ โดยจะมีการแต่งตั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนพิเศษรัฐบาล ในการเข้าร่วมประชุม
ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่อยู่ระหว่างการพูดคุยกัน ซึ่งไม่หนักใจแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนเองก็มีความคาดหวังอยากได้รัฐบาลที่เป็นเสียงข้างมาก แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการพูดคุย หารือกัน ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จากเดิมที่เป็นโควต้าพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนเอง ยังไม่ทราบเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการคุยกันอยู่ แต่เห็นว่าคุณสมบัติของประธานต้องทำตามครรลอง ระเบียบที่ถูกต้อง มีความรู้เข้าใจเรื่องกฎหมาย
ส่วนโควต้ารัฐมนตรี กระทรวงหลัก เช่นกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ย้ำว่า งานฝ่ายความมั่นคง ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและควรอยู่กับพรรคหลัก ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะรับตำแหน่งต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพลเอกประวิตร แต่ยังไม่ได้พูดคุย และขึ้นอยู่กับพลเอกประวิตร เพราะต้องดูเรื่องสุขภาพ ด้วย
ซึ่งส่วนตัวไว้ใจในการทำงาน และเมื่อถึงเวลา ก็ต้องคุยกัน ส่วนเรื่องดูแลเศรษฐกิจ ยังคงเห็นว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เหมาะสม ที่จะทำงานต่อ เพื่อเดินหน้าโครงการต่างๆ เพราะขณะนี้ ต่างชาติ รอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าใครจะมาเป็นจะทำให้ได้รับความเชื่อมั่น รวมถึงจะให้โควต้าพรรคร่วม มาในตำแหน่งรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย หรือ ตำแหน่งที่ปรึกษา ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น
ส่วนการฟอร์ม ครม. ทั้งหมด นายกรัฐมนตรีเห็นว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ยืนยันจะมีโควต้าให้พรรคร่วม โดยขออย่ามองว่าเป็นการให้เก้าอี้ตอบแทน ให้มองถึงการมีส่วนรวมมากกว่า มีสัดส่วนให้เลือกคนที่เหมาะสม และมั่นใจว่าจะไม่ถูกตีรวนในสภา เพราะถ้าทำเท่ากับไม่มองถึงผลประโยชน์ประเทศ หรือทำเพื่อประชาชน สุดท้ายแล้วประชาชนจะตัดสินเอง ในการเลือกตั้งในครั้งต่อไปเอง
นายกรัฐมนตรีไม่ขอให้ความเห็น กรณี กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคุณสมบัติ กรณีถือหุ้นสื่อ โดยระบุว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ตนไม่เคยรังเกียจในการที่จะเข้ามาทำงาน แต่เชื่อว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คงเข้าร่วมกับฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า ในการทำงานเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งต่อไป อาจจะต้องปรับตัว เพราะไม่มีอำนาจ หรืออ ม.44 ในการแก้ปัญหาให้รวดเร็ว ซึ่งต้องปฎิบัติ ตามกฎหมาย หรือ พรบ.ใหม่ๆ โดยจะต้องปรับตัว มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับนักการเมืองให้มากขึ้น และไม่กลัวการซักฟอกในสภา
ทั้งนี้ยอมรับว่าครอบครัวห่วงใยในการทำหน้าที่ต่อ แต่พร้อมให้กำลังใจเสมอมา แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานการเมืองต่อก็จะไม่เปิดตัวครอบครัว เพราะอยากให้มีความเป็นความเป็นส่วนตัว ยืนยันเป็นตัวเองเป็นคนอารมณ์ดี ตลก และอยากพบสื่อทุกวัน ในอนาคตอาจจะมีการแต่งเพลงเพื่อเตือนใจประชาชนทุกคนให้รักประเทศชาติอีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ฉันรักเธอไม่มีวันสิ้นสุด และคติประจำใจที่ว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สำหรับบรรยากาศการพบปะสื่อเป็นไปอย่างอบอุ่น นายกรัฐมนตรีมีการพูดคุย ปล่อยมุก แซวเป็นระยะ ก่อนที่จะถ่ายรูปกับสื่ออย่างเป็นกันเอง