ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำภาคีนักศึกษาศาลายา ยืนยันสังคมไทยมาถึงจุดที่ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว โดยระบุหากโดนคดีร่วมชุมนุม 19 กันยา พร้อมต่อสู้ถึงที่สุด

กวินทร์​ วิชา​ดี พิชญ​ภิรมย์ โฆษกภาคีนักศึกษาศาลายา ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมงานสานเสวนาจัดปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีฝ่ายเห็นต่างกันหลายกลุ่มเข้าร่วม ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า งานน่าสนใจ เพราะมีคนหลายกลุ่มหรือสองฝ่ายที่แตกต่างทางอุดมการณ์มาร่วมพูดคุยกัน โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมยืนยันว่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะชุดความคิดระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและแอบอิงกับสถาบัน กับ ฝ่ายประชาธิปไตยที่พูดถึงระบอบและโครงสร้างสังคม ที่ต้องการให้คนทุกชนชั้นรวมถึงประมุขของประเทศอยู่ใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันและอย่างแท้จริง

ส่วนการชุมนุม ของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางภาคีนักศึกษาศาลายาไปในฐานะแนวร่วมแต่หากมีการดำเนินคดีก็พร้อมที่จะต่อสู้ถึงที่สุด พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมที่ผ่านมา ถือเป็นแรงขับเคลื่อนทางการเมืองที่สำคัญครั้งหนึ่ง ที่ไม่เคยมีมาก่อน และจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่าง การเคลื่อนไหวของเยาวชนนักศึกษาห้วงนี้ ไม่ได้อิงสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่อิงกับระบอบเป็นอยู่ที่เชื่อว่าสังคมไทยมาถึงจุดที่ "ย้อนกลับไปไม่ได้" แล้ว

ส่วนกรณี ที่มีผู้ถอน 'หมุดคณะราษฎร 2563' ที่ท้องสนามหลวงออกไป ตอนไม่รู้ว่าเป็นชุดความคิดเดียวกันกับที่รื้อถอนอนุสาวรีย์ปราบกบฏและสถานที่สำคัญรวมถึงสัญลักษณ์ของคณะราษฎรก่อนหน้านี้หรือไม่ พร้อมตอบในทีเล่นทีจริงว่า "ไม่รู้ว่าคนที่ถอนหมุดออกไปจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือยัง"


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :