ไม่พบผลการค้นหา
‘พิชัย’ เรียกร้อง ‘ประยุทธ์’ ไม่รับตำแหน่งนายกฯ แนะพรรคประชาธิปัตย์ยึดถือมรดก 70 ปี ไม่เอาเผด็จการเป็นหลักสำคัญในการตัดสินใจทางการเมือง โวยรัฐธรรมนูญฉบับ ‘มีชัย’ ทำพรรคการเมืองอ่อนแอ ทำลายระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

นายพิชัย รัตตกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยุติบทบาททางการเมือง ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการสืบทอดอำนาจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่การปฏิวัติเมื่อปี 2557 

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะยุติปัญหาความขัดแย้งด้วยการไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์หรือไม่นั้น ตนเองไม่สามารถตอบแทนได้ ขึ้นอยู่กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ และมติของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ควรยึดถือมรดกตกทอดที่เป็นข้อเท็จจริงมาตลอด 70 ปีที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นมาได้จากนโยบายเดียวคือการต่อต้านระบอบเผด็จการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะใช้โอกาสนี้ยึดหลักการและอุดมการณ์เดิมของตนเอง หรือจะเปลี่ยนใจเอาอำนาจร่วมกับพรรคพลังประชารัฐที่เป็นฝ่ายสืบทอดอำนาจก็อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเอาเองขณะที่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้ในการกอบกู้ภาพลักษณ์สร้างเครดิตและดึงคะแนนเสียงของตนเองที่ตกต่ำให้กลับคืนมาได้โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องสูญเสียเก้าอี้ในกรุงเทพฯ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรท้อถอยเพราะยังมีคนรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ และคนฝั่งธนบุรี การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นการสอนและลงโทษพรรคประชาธิปัตย์ให้รู้ว่าเคยทำไม่ดีในสิ่งใดบ้างแต่หากพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับความจริงว่าสิ่งที่ทำมามีความผิดพลาดขอโทษและดำเนินการตามนโยบายและหลักการเดิมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯจะกลับมาหาพรรคประชาธิปัตย์

นายพิชัยยังชื่นชมนายจุรินทร์ที่มีความเหมาะสมกับการเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะเคยทำงานร่วมกับนายจุรินทร์ในอดีตในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลพบว่านายจุรินทร์เป็นคนไว้ใจได้มีความซื่อสัตย์ตั้งใจดีมีความจริงใจที่จะทำงานให้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าการจะหาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้เป็นเรื่องที่ยากเพราะปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงมีงูเห่างูจงอางเกิดขึ้นจำนวนมากแม้ไม่ชัดเจนเหมือนในสมัยก่อนที่มีการใช้เงินแต่ครั้งนี้อำนาจอยู่ที่ทหารอยู่ที่ คสช. เพราะฉะนั้นในสถานการณ์เช่นนี้จึงทำงานได้ลำบาก

อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าการตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะเป็นไปได้ยากเพราะทั้งสองฝ่ายมีคะแนนเสียงที่ปริ่มน้ำทำให้ ส.ส. ชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นานจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นแน่นอนแต่ด้วยสถานการณ์มีความเป็นไปได้เช่นกันที่พรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์จะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์ต้องละวางความคิดที่อยู่ในใจเกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตรหากอภัยได้ควรให้อภัยโดยคิดถึงประเทศชาติเป็นหลักซึ่งอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายืนหยัดอยู่บนหลักการเดิมหรือไม่หากไม่ทำถือว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

ทั้งนี้เชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลและไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้อยู่เพียงแค่ 4 ปีแต่จะอยู่ถึง 10 ปีซึ่งสะท้อนได้จากความคิดของพลเอกประยุทธ์ที่ต้องการอยู่มากกว่า 4 ปีซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว

นายพิชัยยังชื่นชมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์ฯ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศว่าไม่สนใจตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นนักการเมืองสุภาพสตรีที่มีความเข้มแข็งพร้อมชื่นชมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นคนที่มีอนาคตไกล ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายหากต้องยุติบทบาทการเป็น ส.ส.จากคดีถือหุ้นสื่อ แต่ทั้งนี้ ขอให้นายธนาธรอดทน ใจเย็นปฏิบัติตามกฎหมายและใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียน

ขณะเดียวกัน นายพิชัยยังกล่าวว่าไม่เคยมีประเทศใดเขียนรัฐธรรมนูญแบบที่ประเทศไทยกำลังใช้อยู่ขณะนี้ดังจะเห็นจากปัญหาการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อที่เกิดขึ้นซึ่งต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กได้ที่นั่ง ส.ส.พรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่มีความเข้มแข็งซึ่งตรงข้ามกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ที่ต้องการสร้างให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาธิปไตยปลอดจากการถูกอำนาจอื่นเข้ามาแทรกแซง

ดังนั้น ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยเฉพาะตัวนักการเมืองที่แย่งชิงเก้าอี้ ส.ส. กันขณะนี้จึงเปรียบเหมือนเด็กอนุบาลแย่งกันขึ้นสไลเดอร์ การให้พรรคการเมืองขนาดเล็กที่มีคะแนนต่ำกว่า 70,000 คะแนนได้ที่นั่งส.ส. สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ไม่ดีเป็นความต้องการให้พรรคการเมืองเหล่านี้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจไม่ต้องการให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง

นายพิชัยกล่าวต่อว่า อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้คือการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาที่ คสช.ใช้อำนาจคัดเลือกเฉพาะพวกพ้องของตัวเองเข้ามารับตำแหน่งทำให้ ส.ว. ชุดนี้เปรียบได้กับเด็กที่ต่ำกว่าเด็กอนุบาล ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า นี่คือการทำลายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงขอต่อว่านายมีชัย ฤชุพันธ์ ในฐานะผู้ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตฝ่ายค้านจะไม่สามารถต่อสู้กับการใช้อำนาจของ ส.ว. 250 คนนี้ได้พรรคการเมืองไม่สามารถปิดสวิตช์ ส.ว. ได้เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจ ส.ว. ไว้แล้วโดยเฉพาะอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีบ้านเมืองขณะนี้จึงไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้ว

นายพิชัยยังแนะนำว่าทางออกที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้คือการที่พรรคการเมืองทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์จับมือกันตั้งรัฐบาลโดยคัดเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งไม่ใช่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเชิญฝ่ายทหารเข้ามาร่วมรัฐบาลหากยังไม่ไว้วางใจเรื่องของความมั่นคงโดยอาจเชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากนั้นจึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะที่มาของ ส.ว.