ไม่พบผลการค้นหา
'ปิยบุตร' อดีตเลขาฯ อนาคตใหม่ ชี้สถานการณ์โรคระบาด 'น่าเป็นห่วงมาก' กระทบสุขภาพประชาชน รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันรอบด้าน แต่ไม่ใช่พุ่งเป้าห้ามการรวมตัวของนิสิต-นักศึกษา แนะหามาตรการอื่นที่ป้องกันได้ และกระทบเสรีภาพน้อยกว่า

ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงความเห็นทางกฎหมายต่อการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 สั่งห้ามการชุมนุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้โรคโควิด -19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรงลำดับที่ 14 วันนี้ (29 ก.พ.) โดยมีผลบังคับใช้ 1 มี.ค. 2563

โดยปิยบุตรระบุว่า หากมีการออกคำสั่งห้ามการชุมนุมโดยอ้างเรื่องป้องกันโรคระบาด แต่ลึกๆ มีเจตนาต้องการห้ามมิให้ชุมนุมต้านรัฐบาล ย่อมจะเป็นการใช้ดุลพินิจตัดสินใจออกคำสั่งที่บิดผัน พร้อมย้ำว่า การออกคำสั่งต้องคำนึงถึงหลักความชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงหลักเรื่อง 'ความพอสมควรแก่เหตุ' หรือ 'ความได้สัดส่วน' การออกมาตรการหรือคำสั่งที่กระทบกับเสรีภาพ ต้องทำเท่าที่จำเป็น ไม่เกินกว่าเหตุ:

"ผมเคยประกอบอาชีพอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิชาหนึ่งที่ผมรับผิดชอบบรรยายต่อเนื่องทุกปี คือ วิชากฎหมายปกครอง

ในระบบกฎหมายปกครอง มีหลักการพื้นฐานที่สำคัญ คือ “หลักความชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งเรียกร้องว่า

1. ไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจ - องค์กรเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจออกกฎ คำสั่ง ที่กระทบสิทธิของบุคคล จะต้องมีกฎหมายให้อำนาจเสียก่อน

2. การใช้อำนาจต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย - เมื่อมีกฎหมายให้อำนาจแล้ว องค์กรเจ้าหน้าที่ต้องใช้อำนาจนั้นโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

คำสั่งหรือกฎที่อออกมาแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมายมาจากหลายเหตุ เหตุหนึ่งที่สำคัญ คือ การใช้อำนาจโดยบิดผัน หรือที่ในกฎหมายปกครองฝรั่งเศส ซึ่งประเทศไทยรับมาใช้ เรียกว่า “Détournement de pouvoir”

กล่าวคือ มีกฎหมายให้อำนาจองค์กรเจ้าหน้าที่ในการจำกัดเสรีภาพหลากหลายฉบับ แต่ละฉบับก็จะมีวัตถุประสงค์กำกับ เมื่อใช้กฎหมายเหล่านั้น ก็ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์

ยังมีหลักเรื่อง “ความพอสมควรแก่เหตุ” หรือ “ความได้สัดส่วน” ที่เรียกร้องว่า การออกมาตรการหรือคำสั่งที่กระทบกับเสรีภาพ ต้องทำเท่าที่จำเป็น ไม่เกินกว่าเหตุ

แฟลชม็อบ บ้านสมเด็จเจ้าพระยqqqqqqqqqq_200228_0016.jpg

หากมีการออกคำสั่งห้ามการชุมนุมโดยอ้างเรื่องป้องกันโรคระบาด แต่ลึกๆแล้ว มีเจตนาต้องการห้ามมิให้ชุมนุมต้านรัฐบาล เช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้ดุลพินิจตัดสินใจออกคำสั่งที่บิดผัน อ้างเรื่องโรคระบาด ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วไม่ต้องการให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ต่อต้านรัฐบาล

นอกจากนี้ การห้ามการชุมนุมโดยอ้างเรื่องป้องกันโรคระบาด ก็ต้องพิจารณาเรื่องความพอสมควรแก่เหตุด้วย ดังนี้

1. เมื่อสั่งห้ามการชุมนุมแล้วสามารถป้องกันการระบาดได้จริง

2. ไม่มีวิธีการอื่นใดที่ดีกว่านี้อีกแล้วที่จะป้องกันโรคระบาดได้ นอกจากห้ามการชุมนุม

3. การห้ามการชุมนุม ได้ประโยชน์มากกว่าสิ่งที่เสียไป

ดังนั้นหากมีมาตรการอื่นที่ป้องกันได้ และกระทบเสรีภาพน้อยกว่า ไม่ต้องถึงขั้นห้ามชุมนุม ก็ต้องใช้มาตรการอื่นก่อน

สถานการณ์โรคระบาดขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันอย่างรอบด้าน ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนโปร่งใสตรงไปตรงมาต่อประชาชน และควรต้องทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นในการป้องกันโรคระบาดได้ มิใช่พุ่งเป้ามาที่การห้ามการรวมตัวของคนหมู่มากในที่ชุมนุมของนิสิตนักศึกษา

ทั้งหมดนี้ต้องกระทำด้วยความจริงใจมิใช่มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้น มิเช่นนั้นประชาชนย่อมมีสิทธิตั้งข้อสงสัยได้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว การห้ามชุมนุมเป็นการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดเพื่อจำกัดเสรีภาพการแสดงออกของนักเรียนนิสิตนักศึกษาเยาวชนหรือไม่?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: