พระศพของ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ถูกนำออกจากพระราชวังวินด์เซอร์ไปยังโบสถ์เซนต์จอร์จเพื่อประกอบพิธีในวันที่ 17 เม.ย.2564 อย่างเรียบง่ายและใกล้ชิด เป็นไปตามพระประสงค์ของเจ้าชายฟิลิปก่อนสิ้นพระชนม์ โดยพระองค์ไม่ต้องให้มีการวางพระศพต่อหน้าสาธารณะ ซึ่งการขนย้ายหีบพระศพนั้นมีการใช้รถยนต์ จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ดัดแปลงพิเศษ ที่เจ้าชายฟิลิปได้ทรงร่วมออกแบบด้วยพระองค์เอง
ในขบวนแห่หีบพระศพประกอบไปด้วยสมาชิกระดับสูงของกองทัพ ผู้นำทางทหาร และวงดุริยางค์จากหน่วยเกรเดเนียร์การ์ด รวมนับ 730 นายเดินนำรถขนย้ายหีบพระศพ
ตามมาด้วยพระบรมวงศ์ ประกอบไปด้วย เจ้าหญิงแอนน์ และ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แถวหน้า ถัดมาคือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และ เจ้าชายแอนดรูว์ ตามด้วย เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าชายแฮร์รี โดยมี ปีเตอร์ ฟิลิปส์ บุตรชายของเจ้าหญิงแอนน์ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระญาติเดินคั่นกลางระหว่างทั้งสองพระองค์
ขณะที่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร พระชนม์ 94 พรรษา เสด็จพระราชดำเนินพร้อมนางสนองพระโอษฐ์ปิดท้ายขบวนภายในรถยนต์เบนลีย์พระที่นั่ง และเนื่องจากสถานการณ์ด้านการระบาดของโควิด-19 มีผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประกอบพิธีทางศาสนาภายในโบสถ์เซนต์จอร์จเพียง 30 คนเท่านั้น จากเดิมที่จะมีมากราว 800 คน
ภายในพิธี เจ้าคณะแห่งโบสถ์เซนต์จอร์จแห่งพระราชวังวินด์เซอร์ สาธุคุณเดวิด คอนเนอร์ ทำหน้าที่ดำเนินงาน โดยมี อาร์คบิชอปแห่งเคนเทอร์บิวรี ทำหน้าที่ประกาศคำอำนวยพร โดยสาธุคุณเดวิด คอนเนอร์กล่าวสดุดีดยุกแห่งเอดินบะระว่า "ทรงเป็นผู้มีพระเมตตา อารมณ์ขัน และมนุษยธรรม"
"ความภักดีอันมิเคยเสื่อมคลายของเจ้าชายฟิลิปต่อสมเด็จพระราชินีนาถฯ การทรงงานเพื่อชาติและเครือจักรภพ ความกล้าหาญ ความอดทด และความศรัทธาของพระองค์ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราอย่างมาก" - สาธุคุณเดวิด คอนเนอร์ กล่าว
ระหว่างการประกอบพิธี มีการบรรเลงเพลงที่เกี่ยวกับกองกำลังทางทะเลอย่าง Eternal Father, Strong to Save โดย วิลเลียม ไวทิง โดยการขับร้องของนักร้องเพลงประสานเสียงที่ลดจาก 30 คนเหลือเพียง 4 คน โดยไม่ให้ผู้ร่วมพิธีร่วมร้องด้วยเพื่อการรักษามาตรการด้านโควิด
นอกจากนั้นก็มีการระงับการบินขึ้นลง ณ สนามบินฮีืโธรว์นาน 6 นาทีเต็ม คู่ขนานไปกับการไว้อาลัย 1 นาทีทั้วประเทศ พร้อมการยิงสลุตสดุดีพระเกียรติทั้งหมด 9 แห่งทั่วสหราชอาณาจักรและยิบรอลตาร์ เสมือนสัญญาณเริ่มและจบของการยืนไว้อาลัยพร้อมกัน
ขั้นตอนสำคัญสุดท้ายคือพิธีฝังหีบพระศพ โดยเจ้าพนักงานประโคมแตรนาวิกโยธินอังกฤษส่งเสียงเป็นสัญญาณให้กับทุกคนได้เตรียมตัวประจัญบานดั่งเช่นในสนามรบ โดยการให้เสียง Action Stations คู่ขนานไปกับการอัญเชิญหีบพระศพเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระลงสู่ห้องใต้ดิน อันถือเป็นการสิ้นสุดพิธี
ซึ่งองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดนี้สื่อให้เห็นถึงชีวิตและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเจ้าชายฟิลิปและราชนาวีอังกฤษ รวมถึงความรักที่พระองค์มีต่อมหาสมุทรได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ พระราชวังบักกิงแฮมแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรทรงประกาศว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร สิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยพระชนมายุ 99 พรรษา โดยทรงจากไปอย่างสงบช่วงเช้าของวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาตามเวลาของสหราชอาณาจักร ณ พระราชวังวินเซอร์
หลังการเข้ารักษาพระองค์นานนับเดือนจากการผ่าตัดโรคหัวใจและรักษาอาการติดเชื้อ เจ้าชายฟิลิป ทรงมีพระอาการดีขึ้นและเสด็จออกจากโรงพยาล คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และโรงพยาบาลเซนต์บาร์โธโลมิวในวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเก่าแก่เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ระบุ สาเหตุของการประชวรไม่แน่ชัด แต่สำนักพระรางวังยืนยันว่าการเข้ารับการรักษาพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่อย่างใด
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และดยุกแห่งเอดินบะระ ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2490 ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ มีพระบุตรร่วมกันทั้งสิ้น 4 พระองค์
เจ้าชายฟิลิปประสูติในราชวงศ์กรีซและเดนมาร์กเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2464 เป็นพระโอรสองค์เดียวและเป็นบุตรคนที่ 5 ของเจ้าชายแอนดรูว์แห่งกรีซและเดนมาร์ก กับเจ้าหญิงอลิซแห่งบัตเทินแบร์ก เดิมมีพระนามว่า เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก โดยเจ้าฟิลิปสิ้นพระชนม์ก่อนการมีพระชนมายุครบ 100 พรรษาเพียง 2 เดือน