สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) ประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อของจีน (PMI) ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนสภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการ ประจำเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 52 จากตกต่ำลงไปแตะระดับ 35.7 ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ออกมาประเมินตัวเลข PMI ของเดือน มี.ค. ไว้ที่ระดับ 45
ขณะที่ตัวเลขดัชนีย่อย อย่างอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.1 ในเดือน มี.ค. จากเดิมที่อยู่ที่ 27.8 เดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับดัชนีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจาก 29.3 เป็น 52 อีกทั้งคำสั่งซื้อเพื่อส่งออกก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จาก 28.7 เป็น 46.4
นอกจากนี้ตัวเลขกิจกรรมในภาคบริการจากรายงานอีกฉบับของเอ็นบีเอส ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยขึ้นมาอยู่ที่ 52.3 ในเดือน มี.ค. จากที่อยู่ในระดับ 29.6 ในเดือนก่อนหน้า
ผลจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเหนือการคาดการณ์นี้ ส่งให้ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความตึงเครียดกับสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตลงบ้าง และมองว่านี่เป็นข่าวดีที่หาได้น้อยในสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินหยวนยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าในภาพกว้างและในการประเมินสถานการณ์ระยะกลางเป็นต้นไปยังคงมีภาพที่ไม่สดใสมากนัก แม้อุตสาหกรรมการผลิตจะกลับมาดีขึ้น รวมถึงการแพร่ระบาดในจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้น
อนาคตยังไม่ดีขนาดนั้น
นักวิเคราะห์หลายคนยังออกมาประเมินไปในทิศทางเดียวกันว่าอุตสาหกรรมการผลิตรวมถึงโรงงานต่างๆ ของจีนจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้สถานการณ์ภายในประเทศจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว เนื่องจากอุปสงค์จากฝั่งยุโรป สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศสำคัญ ยังไม่ดีขึ้น
ขณะที่คำแนะนำจากฝั่งธนาคารกลางก็ชี้ว่า จีนอาจไม่ได้เห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก และก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะ ‘ใช้สารพัดเครื่องมือกระตุ้น’ เพื่อให้ได้ตัวเลขตามเป้าหมายของรัฐบาล
‘ซิน กั๋วปิน’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จีนยังอาจต้องเผชิญหน้ากับการลดลงของการค้าต่างประเทศที่ร่วงลงมาถึงร้อยละ 17.2 ระหว่างเดือนม.ค. - ก.พ. ที่ผ่านมา
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระชี้ว่า งานกว่า 18 ล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมการส่งออกอาจต้องว่างลง จากการส่งออกที่ตกลงราวร้อยละ 30 ใน 1 - 2 ไตรมาสข้างหน้า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีหน้า ทั้งนี้โนมูระยังประมาณการว่า จีดีพีของจีนจะลดลงถึงร้อยละ 9
ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเริ่มคลายมาตรการการควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มงวดลงบ้างแล้ว ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถกลับเข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลยังแจกคูปองที่มีมูลค่ารวมหลายล้านหยวนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกิดเงินสะพัดด้วย แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็ยังมีความกังวลกับสถานการณ์ที่ยังไม่จบอยู่ดี ทั้งในมิติของการกลับมาอีกครั้งของโรคระบาด ความมั่นคงในหน้าที่การงาน หรือความยากลำบากด้านเศรษฐกิจ