พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี หลัง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุ เหตุถูกลอบยิงมาจากการยกเลิกโครงการไบโอเมตริกซ์ และพาดพิงถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถึงขณะนี้ตนเองยังไม่ได้พูดคุย โดยการจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ขณะนั้นตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ประสิทธิภาพก็ดี แต่ตนไม่รู้รายละเอียด ทราบเพียงมีการจัดซื้อหลายปีแล้ว
ส่วนเรื่องนี้จะบานปลายเป็นความขัดแย้งภายในตำรวจหรือไม่นั้น เพราะล่าสุด ผบ.ตร.ได้โทรศัพท์หา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ขออย่ายุ่งคดี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่ทราบ แต่คงต้องให้ทั้ง 2 คนคุยกัน โดยตนเองไม่รู้เรื่องคลิปเสียงที่มีการนำเผยแพร่ เพราะตนเองไม่ได้คุมตำรวจแล้ว และถึงแม้จะเป็นพี่ของทั้ง 2 คน และเคยคุมตำรวจมาก่อน ก็คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้รู้เรื่อง ตอนนี้ยังไม่ได้เจอทั้ง 2 คน แต่หากเจอแล้วจะพูด ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไปต่างประเทศ
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึง การเตรียมรับมือ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคพลังประชารัฐได้เตรียมรับมือแล้ว ขออย่าห่วง แต่ขอไม่เปิดเผย ว่าใครเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายรัฐบาล
รองโฆษก ตร.ตำหนิคนปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง ตร.ใหญ่ 2 คน
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงประเด็นที่สื่อได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคลิปเสียงบทสนทนาของผู้ชาย 2 คน และมีการนำมาลงในโลกโซเชียล โดยขอเรียนชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า ขณะที่มีการสนทนากันตามคลิปเสียงที่สื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอไปนั้น รอง โฆษก ตร. ได้นั่งอยู่ด้วยในขณะที่มีการสนทนาทางโทรศัพท์ โดยเป็นบทสนทนาระหว่างท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. จริง ซึ่งเป็นการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ระดับ ตร. ตามปกติ ในการทำงานให้เป็นพี่เลี้ยง ทำการกำกับ ดูแล ให้การสนับสนุน และปล่อยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการตามหน้างานตามปกติไป
ซึ่งในคดีนี้ ทาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนตามปกติ และได้รายงานให้ท่าน ผบ.ตร.ทราบเป็นระยะๆ ซึ่งท่านได้กำชับมาโดยตลอดในที่ประชุมบริหาร ตร.
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเรื่องการอัดคลิปเสียง และมีการปล่อยเสียงสนทนาลงในโลกโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ทราบว่าใครอัดและอยากรู้เหมือนกันว่าใครทำ เพราะโดยมารยาทแล้วการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างบุคคลนั้น ไม่ควรอัดบทสนทนาเอาไว้ ยกเว้นคู่สนทนาจะมีเจตนารมย์แอบแฝงในทางที่ไม่ดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :