ไม่พบผลการค้นหา
ประธาน นปช. วิเคราะห์ ปรับ ครม.ภายใต้สถานการณ์เขี่ยทิ้งก๊วน 4 กุมาร ไม่ใช่เรื่องง่าย ชี้ยุบสภาเป็นเรื่องยาก คาดเดือน ส.ค.นี้ เศรษฐกิจประเทศน่าห่วง แถมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า หัวข้อที่จะสนทนาวันนี้สั้นๆ คือ ยาก เพราะสถานการณ์ของประเทศไทยทุกอย่างเป็นเรื่องยากทั้งสิ้น การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตอนแรกใครก็คิดว่าง่าย สี่กุมารยังไงก็พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ แต่ลืมคิดไปว่ากลุ่มสี่กุมารนั้น บวกหนึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ก็มีประสบการณ์และบทเรียนมากมาย นั้นเคยอยู่กับพรรคไทยรักไทยมาตั้งแต่ปี 2544 และก่อนหน้านั้นก็มีความสนิทมักคุ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ดังนั้นเส้นทางทางการเมืองที่ยาวนานจะเห็นได้ชัดเจนว่าคณะรัฐประหารต้อง 2 ชุดไม่ว่าจะเป็นชุด 19 ก.ย. 2549 และ 22 พ.ค. 2557 นายสมคิดจะมีบทบาททั้งสิ้น 

สมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีห้วงระยะเวลาหนึ่ง นายสมคิดก็เข้าไปทำเนียบรัฐบาลจะไปบัญชาการเรื่องเศรษฐกิจแต่ถูกกลุ่มคนที่สนับสนุนให้มีการยึดอำนาจในขณะนั้นไม่พอใจก็ต้องออกมาจากทำเนียบรัฐบาล แต่การจัดความสัมพันธ์ก็ยังมีอยู่ และก่อนหน้านั้นที่ช่วงขณะพรรคไทยรักไทยบริหารประเทศเมื่อย้อนกลับไปดูนั้นก็เห็นว่าการดำรงอยู่ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์นั้นไม่ธรรมดา ชนิดที่ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ตกใจว่าสถานการณ์ในขณะตอนปลายก่อนที่จะมีการล้มกระดานกันนั้นนายสมคิดอยู่ในบทบาทไหน แต่ตนไม่ต้องการอธิบายความให้เกิดปัญหากัน แต่บอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ และนึกไม่ถึงว่านายสมคิดจะวางแผนได้แยบยลและ ไปไกลถึงขนาดนั้น 

หลังจากพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ไปก็ปรากฏว่ามีการตั้งพรรคการเมืองลงเข้าแข่งขันชื่อพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคที่มีความพร้อมมากที่สุดแต่บังเอิญว่าประชาชนไม่พร้อมจะเลือก ต่อมาเกิดการยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 ถามว่าทำไมพรรคพลังประชารัฐต้องใช้บริการของทีมนายสมคิด และ 4 กุมารเป็นผู้เริ่มต้นเข้า ไปจัดการโครงสร้างพรรคเเทบเบ็ดเสร็จ และที่สำคัญหลักจากมีอำนาจในรอบนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา มีการจัดความสัมพันธ์กับสื่อสารมวลชนอย่างเป็นระบบ แต่มารอบนี้ตนบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา และทันทีที่ยกชื่อโฆษกรัฐบาลมาเป็นหัวหน้าทีมบริหารเศรษฐกิจนั้นจะโดยตั้งใจหรือไม่นั้นเท่ากับเป็นการยกระดับนายสมคิด และ 4 กุมารให้ขึ้นมาเหนือกว่าภายใต้สถานการณ์นั้น

ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีจะไม่ง่ายในสถานการณ์นี้เพราะเมื่อใช้ในระบบโควตา ในซีกของพรรคพลังประชารัฐจะต้องไปหารกับบรรดาคณะผู้มีอำนาจตัวจริงคือ 3 ป. และปอใหญ่ที่สุดคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ภายใต้เศรษฐกิจแบบนี้ จะหาคนใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามานั้นยากที่สุด

ประธาน นปช. ระบุว่า เมื่อสถานการณ์การปรับ ครม. ยืดยาวออกไปจนถึงกลางเดือนส.ค. ก็จะยากกว่านี้ โดยเฉพาะตัวเลขโควตาตามสัดส่วนเมื่อแบ่งกันแล้วจัดอย่างไรก็ไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้นหลักคิดในการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจนั้นต้องคิดต้องเปลี่ยนตั้งแต่ก่อนเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ดังนั้นตนประเมินว่าการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องยาก

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สำหรับทางออกที่บอกว่ายุบสภานั้น คำตอบคือยากเช่นเดียวกันเพราะภายใต้เศรษฐกิจแบบนี้ อย่าไปยึดถือตอนเลือกตั้งซ่อม เพราะยังไงรัฐบาลก็ได้เปรียบทุกกรณี แต่หากเลือกตั้งใหญ่ทั้งประเทศผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะจะต้องไปกระจายหาเสียงกันและสถานการณ์ก็ไม่ง่าย และที่สำคัญที่สุดคือกติกาไม่เปลี่ยน แต่ตนเชื่อว่าเมื่อเดินไปถึงจุดหนึ่งบางครั้งก็ไม่มีทางเลือก การเมืองบนบางกระดานดูเหมือนว่ามีทางเลือกแต่เมื่อถึงจุดหนึ่งซึ่งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเดือน ส.ค.นี้จะหนักที่สุดและจะหนักขึ้นเรื่อยๆ และที่น่ากลัวที่สุดคือประชาชนพอใจหรือไม่ หากประชาชนไม่พอใจด้วยแล้ว และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ท่ามกลางความอดอยากหิวโหยนั้นจะเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วง เช่นการยุบสภาภายใต้กติกาเดิมนั้นไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหา

แต่อยู่ไปก็ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ตั้งคำถามต่อไปว่าหากอยู่ไปรัฐธรรมนูญจะได้แก้ไขหรือไม่ ก็แก้ไม่ได้ ไม่ว่าจะไปทางซ้ายหรือขวาก็ยากทั้งสิ้น ดังนั้น การยุบสภาก็อย่าประมาท เมื่อยุบสภาไปแล้วอย่าคิดว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะตนไม่เชื่อว่าการยุบสภารอบนี้จะมีการเลือกตั้ง เพราะด้วยสถานการณ์และปัจจัยต่างๆไม่มีทางจะดีขึ้น เพียงแต่ทรงๆไว้ในช่วง 2 ปีนี้ ดังนั้นปัญหาภายในของรัฐบาล และฝ่ายค้านก็ไม่แข็งแรง ประชาชนมีความยากลำบาก เหล่านี้เชื่อว่าประเทศไทยเดินมาถึงจุดที่สำคัญ

ดังนั้นการจะอยู่หรือไปของรัฐบาลไม่ใช่จำนวนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลในอดีต ก็ไปด้วยเสียงข้างมากกันทั้งนั้น และตนเชื่อว่าเดือนหน้าอาจจะมีการคิดในการตรึงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้อีก เพราะพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังเป็นสิ่งจำเป็นกับรัฐบาลโดยเฉพาะกับนายกรัฐมนตรีในการบริหารสั่งการ ดังนั้นตนยังมองว่า ยากทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ นายจตุพรยังเชิญชวนประชาชนรวมกันเขียนจดหมาย ส่งให้กำลังใจแกนนำ นปช.ทุกเรือนจำ เหมือนอย่างที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช.ได้ทำมานั้นอย่างน้อยที่สุด เป็นการต่อลมหายใจให้กับพี่น้อง แกนนำนปช.ที่อยู่ในเรือนจำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง