พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับเรียบร้อยแล้ว โดยฉบับที่สำคัญคือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาทของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขการเยียวยาและการฟื้นฟูโดยได้จัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองที่ได้มีการแต่งตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการหารือแล้วว่าจะมีระเบียบปฏิบัติวิธีการใช้เงินอย่างไร ซึ่งจะเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รอบครอบ และจำเป็น ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะมีทั้งส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมด้วย โดยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบระเบียบต่างๆแล้ว และจากนี้จะต้องดำเนินการต่อไปเพื่อให้หน่วยงานต่างๆนำเสนอแผนมายังคณะรัฐมนตรีอย่างครบถ้วนในโอกาสต่อไป อย่างเร็วที่สุดเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ย้ำว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้านเพื่อให้ส่วนราชการนำไปพิจารณาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
นอกจากนี้ยังมี พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังเพื่อตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการลงทุนในตลาดตราสารหนี้จำนวน 4 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ โดย ธปท.มีอำนาจให้สถาบันการเงินกู้ยืมเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาทโดยได้ให้กระทรวงการคลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบและรับฟังข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนรวมถึงให้มีผู้มีประสบการณ์ความรู้ร่วมทำงานด้วยใน
'ประยุทธ์' เผยเชิญ 20 เจ้าสัวช่วยเสริมมาตรการของรัฐบาล ปัดยืมเงิน
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงการส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีของไทย ว่า เพื่อรับทราบการดำเนินงานแก้โควิด-19 เกี่ยวกับบุคลาการของบริษัทนั้นๆ เพื่อจะช่วยเสริมกับมาตรการของรัฐบาลที่ออกไปแล้ว ให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนครอบคลุมมากขึ้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไปกู้เงินหรือยืมเงิน จากมหาเศรษฐีเหล่านี้ เพราะรัฐบาลมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของเอกชนที่จะดูแลพนักงานในองค์กรและซัพพลายเออร์ ทั้ง 20 ราย ซึ่งหากทำอยู่แล้วรัฐบาลก็ขอขอบคุณ
พร้อมกันนี้ ย้ำการส่งจดหมายเป็นไปอย่างเปิดเผย และทราบว่าทุกคนมีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการประสานการทำงาน ให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่การแลกผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น และขอขอบคุณล่วงหน้าเอกชนทุกภาคส่วน ที่ได้ช่วยเหลือดูแลในส่วนของท่านให้ดีที่สุดในองค์กรแต่ละคน ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคให้มีความสุขและอยู่ได้ในช่วงเวลานี้ ให้เดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งรับทราบว่าเอกชนได้ทำมามากแล้ว ไม่ใช่การแข่งขันหรือบังคับ แต่เป็นเรื่องที่จะไปพิจารณาว่าจะทำอะไรเพิ่มเติมได้มากกว่านี้หรือไม่
ทั้งนี้ นายกฯยืนยันว่าไม่ใช่การแข่งขัน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นการระดมความคิดเห็น จาก 20 มหาเศรษฐีและยินดีที่จะรับฟังเอกชนส่วนอื่น ที่พร้อมจะช่วยเหลือประชาชน สามารถทำเรื่องมาได้ แต่ตนจะไม่ไปพบด้วยตนเอง และไม่ได้ขอรับบริจาคเงินดังนั้นขออย่าบิดเบือน