เพราะหลัง 6 พรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย เตรียมเปิดที่ทำการพรรค ต้อนรับพันธมิตรการเมือง หารือซักซ้อมพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังเปิดทำการวันที่ 4 ม.ค. 2564  พรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมร่วมกันเพื่อสรุปข้อมูลที่แต่ละพรรคมีในมือว่าพรรคใด ส.ส.คนไหน จะอภิปรายเรื่องใด เพื่อให้เนื้อหาแหลมคมที่สุด

ฝ่ายค้านวางเป้าเบื้องต้นเราจะพุ่งเป้าไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ต้องรับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมด รวมถึงยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ส่อแววไม่ชอบมาพากลในการบริหาร

“การอภิปรายครั้งนี้จะเน้นที่เนื้อหาการอภิปรายไม่เน้นจำนวนผู้อภิปราย เราจะให้ผู้อภิปรายครั้งนี้ได้เวลาในการอภิปรายอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระมากที่สุด และเชื่อว่าจะสามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ เพราะแต่ละเรื่องที่จะอภิปรายต่างเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่ส่อไปในทางทุจริต”

หากยังจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบโต้ – ท้าทายฝ่ายค้านถึงเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลัง “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้านบอกมีข้อมูลเด็ด พล.อ.ประยุทธ์อาจช็อกได้

ซึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวท้าทายว่า “เปิดสิ เปิดเลย จะซักฟอกอะไรก็ซักมา ไม่ช็อกหรอก ผมไม่ใช่คนใจอ่อนขนาดนั้น ข้อเท็จจริงมีอยู่แล้ว”

แม้พรรคฝ่ายรัฐบาลจะมีจำนวน ส.ส.มากกว่าฝ่ายค้าน อยู่ที่ 276 เสียง ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 120 เสียง

พรรคภูมิใจไทย 61เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 52  เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 12 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พลังท้องถิ่นไท 5 เสียง ชาติพัฒนา 4 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2เสียง

ส่วนพรรคเล็ก 1 เสียง ประชาภิวัฒน์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ (จุดยืนเอาแน่เอานอนไม่ได้) พรรคประชาธรรมไทย พรรคไทรักธรรม และพรรคเศรษฐกิจใหม่  5 เสียง ที่ย้ายจากฝ่ายค้านมาเป็นพันธมิตรกับฝ่ายรัฐบาล

ส่วนพรรคฝ่ายค้าน 212 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย  134 เสียง พรรคก้าวไกล 54 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 10 เสียง พรรคประชาชาติ7 เสียง พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง พรรคพลังปวงชนไทย 1 เสียง และ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) 1 เสียง  

มีส่วนต่างจำนวนเสียง 64 เสียง!

แต่พรรคฝ่ายค้านตั้งใจว่าจะใช้เกมซักฟอกรัฐบาล ลดระดับความชอบธรรมของรัฐบาลให้ต่ำต้อยลงไปอีก ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังขาลงที่ลากยาวมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งปมการเมืองเรื่องม็อบ กับ ไวรัสโควิด-19 ที่กระหน่ำซ้ำเติมรัฐบาล

เก็งข้อสอบพรรคเพื่อไทย ที่เตรียมอภิปราย “พล.อ.ประยุทธ์” อาทิ

1.การออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน  ส.ป.ก.ที่ให้นายทุนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวต้องให้กับเกษตรกรเป็นผู้ใช้ประโยชน์

2.การบริหารงานที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาโควิด ที่ปล่อยให้มีบ่อนการพนันในหลายพื้นที่จนเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อ  

3.การทุจริตปมถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่ง “ยุทธพงศ์ จรัสเถียร” ส.ส.มหาสารคาม เปิดประเด็นไว้ว่า เป็นการทุจริตที่พัวพันถึงระดับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เกี่ยวดองกับนักการเมืองคนใกล้ชิด มูลค่าความเสียหายเป็นพันล้าน  

4.ปัญหาการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ออกคำสั่งมาตรา 44 สมัยเป็นผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นให้การต่อขยายสัมปทานออกไปอีก 40 ปี โดยไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562  

ขณะที่พรรคก้าวไกล โดย “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” รองหัวหน้าพรรค ระบุว่า  พรรคก้าวไกล ก็กำลังอยู่ในกระบวนการรวบรวมข้อมูล เอกสาร และหลักฐานกันอยู่ แต่คนที่จะถูกอภิปรายอย่างแน่นอนคือ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆ ซึ่งบางประเด็นอาจจะไปถึงรัฐมนตรีช่วย ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล

เก็งข้อสอบของพรรคก้าวไกล ให้น้ำหนักการซักฟอก 1.ปมใช้เงินกู้ที่ล้มเหลว ไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้

2.ภาคต่อยุทธวิธีไอโอของฝ่ายความมั่นคง

3.เปิดโปงเครือข่ายผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับ 3 ป. ทั้ง ป. ประยุทธ์ ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ พรรคเพื่อชาติ “สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” หัวหน้าพรรค เตรียมยื่นลิสต์รายชื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ขอยื่นซักฟอก วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลเรื่องกฎหมายให้กับรัฐบาล และดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี รมว.ต่างประเทศ เพิ่มอีก 2 คน

เพียงแค่พ้นคืนข้ามปี เกมถล่ม “พล.อ.ประยุทธ์” ก็อุบัติขึ้นแล้ว