เปิดตัวรอบสื่อมวลชน กับภาพยนตร์แอคชั่นแฟนตาซี “จอมขมังเวทย์ 2020” ไปเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) หมาก ปริญ สุภารัตน์ พระเอกหล่อหน้าใส ที่มาชิมลางงานภาพยนตร์ครั้งแรก ต่างได้รับเสียงชื่นชมจากคอภาพยนตร์ ว่าสามารถสลัดภาพพระเอกละคร เป็นพระเอกสายบู๊ได้อย่างเต็มตัว ด้วยสีหน้า ท่าทาง ลีลาการบู๊ และการแสดงที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด
ภาพยนตร์ เรื่อง จอมขมังเวทย์ 2020 หมาก ปริญ มารับบทบาท 'วิน' วัยรุ่นนักกีฬา ชอบต่อยมวย ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ ซึ่งตัววินในตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่าจะเจอเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นต่อไปเกี่ยวกับไสยศาสตร์ เพราะเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องงมงาย วินคลุกคลีกับพ่อ ก็รู้ว่าพ่อเป็นคนที่ชอบเก็บของขลัง แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง จนมาวันหนึ่งเกิดเรื่องขึ้นเลยได้รู้ว่าพ่อเขานับถือใครบ้าง มีของขลังอะไรต่างๆ นานาเต็มไปหมด นั่นทำให้ต้องเข้าไปพัวพันกับศาสตร์ลึกลับบางอย่าง ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงความเชื่อและเปลี่ยนชีวิตของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หมาก ปริญ เผยว่า เรื่องนี้เขาต้องทำการบ้านอย่างหนัก กับบทแอคชั่น สายบู๊ ที่ต้องฟิตร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะแทบจะมีบทบู๊ในทุกๆ ฉาก
"ต้องฟิตร่างกายมากๆ เพราะว่าเรื่องนี้บู๊หนักมาก ทุกคิวคือมีบู๊ เตรียมตัว เตรียมร่างกาย ส่วนเรื่องการแสดง วิธีการถ่ายทำเนี่ย เราชินอยู่แล้ว เพราะเราเคยทำงานกับพี่ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ (ผู้กำกับ) รู้เทคนิคการถ่ายของเขา รู้ว่าเขาต้องการอะไร ยังไง ค่อนข้างจะง่ายและเร็วมากๆ เลย แต่หนังมันก็จะจริงกว่า เราทำอะไรได้เยอะกว่า ก็สนุกครับ สนุกมากๆ และยังเปลี่ยนลุก ต้องสักทั้งตัว รอยสักเนี่ยทุกคิวเหมือนกัน ตอนแรกก็จะมีรอยสักที่เป็นกราฟิกของเราเอง แต่พอเกิดเรื่องปุ๊บ เรามีอาคม ได้เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง เราก็แบบมีรอยสักขึ้นมายันคอ ใช้เวลาเพนต์สองสามชั่วโมงได้ครับ ก็ต้องมากองแบบเช้าๆ แล้วก็มานั่งเพนต์ ก็แปลกดี ผมว่าถ้าใครได้เห็นก็คงโห...แปลกดี
"ก็เปลี่ยนลุกไปเลย หายไปเลยครับความเนี้ยบ ความหน้าใส ทรงผม คาแร็กเตอร์ สายตาเปลี่ยนไปหมดเลย ตอนถ่ายทำไปเราก็จะเห็นพี่ต้อมเดินมาบอก เฮ้ย หมากเอาตรงนี้นิดนึง เขาสุดยอดมาก ก็อยากให้ดูการแสดงเรื่องนี้ด้วยครับ ซึ่งสถานที่ถ่ายทำเรื่องนี้โหดมากเลยครับ ไม่มีแอร์ซักที่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตึก ก็ทำให้เห็นถึงความเป็นปัจจุบัน มุมกล้องก็จะเป็นบนตึก ถ่ายทำในตึก เหตุการณ์เกิดขึ้นไปบู๊กันในตึก แอคชั่นดุเดือดมากเลย มันเป็นแอคชั่นที่เขาอยากจะให้เรียลมากๆ ไม่ค่อยแบบมีท่าทางอะไรมาก ไอ้นี่มันก็เป็นนักต่อสู้นักมวยอยู่แล้ว เขาก็อยากให้ดูจริง ไม่ค่อยใช้อาวุธเท่าไหร่ ก็จะเป็นมือเปล่าต่อยกันมากกว่า"
เรื่องนี้ หมาก ยังได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงยอดฝีมือหลายคนมากๆ
เราคุ้นเคยกันมากๆ เลย ทั้ง พี่นกหญิง, พี่นกชาย, ก๊อต, พี่ต้อม ก็ทำงานง่ายมาก มีอะไรก็คุยกัน ไหว-ไม่ไหว ตรงโน้นตรงนี้ แต่ว่าทุกคนก็เต็มที่มากๆ เลย เห็นแล้วแบบทุกคนทำการบ้านดีมากๆ พร้อมทุกอย่าง ก็ยิ่งทำให้เราต้องทำการบ้านเยอะขึ้น ยิ่งทำให้เราต้องมีแรงมากขึ้นกับ 'แพร์' นี้เคยเล่นด้วยกันแล้ว ชินกันอยู่แล้ว แต่กับ 'คิทตี้' เป็นครั้งแรกที่เคยแสดงด้วยกัน มันใหม่มากๆ เลย ดีใจที่ได้ร่วมงานกันกับคิทตี้ครับ เราก็ดูผลงานของเขาอยู่ แล้วพอได้มาร่วมงานกันก็ดีเลยครับ เรียกว่าเป็นคู่ใหม่ที่มาเจอกันแล้วก็ดูน่าสนใจดี
แอคชั่นเรื่องนี้นอกจากจะเดือดแล้วยังต้องจินตนาการเล่นกับซีจีด้วย
ใช่ เยอะมาก มันต้องมีการปล่อยของ ปล่อยพลังมา ของเราเป็นตัวมอม ของพี่ก๊อตเป็นวัวธนู ผมว่ามันก็เป็นอีกขั้นหนึ่งของการแสดง เราต้องมองเห็นว่าไอ้นี่กำลังวิ่งเข้ามา ไอ้นี่กำลังกระโดดขึ้นไป ไปทางโน้น ไปทางนี้ อันนี้เป็นความยากของซีจีแล้วล่ะ รอดูครับ
แอคชั่นการปล่อยพลังสัตว์เวทในเรื่องนี้
มันใหม่นะ เพราะพี่ต้อมผู้กำกับเค้าอยากได้แบบนี้ ตัววัวธนูดุๆ ซีจีมันไม่โป๊ะ เนียน สมจริง ด้วยแอคชั่นของเรากับนักแสดงคนอื่นด้วย มันก็ทำให้เข้ากันดี ส่วน วิน ตัวละครของผมจะมีปล่อยตัวมอม เสกคาถาเรียกออกมา เค้าจะกระโดดข้ามหลังออกมา ตัวมอมก็จะมาช่วยเราเวลาวิกฤติขั้นสุดท้ายแล้ว เราไปไม่ไหวแล้ว แล้วเราก็จะเรียกออกเป็นตัวช่วย
โดยส่วนตัวมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องศาสตร์คาถาอาคมมากน้อยแค่ไหน
ผม 50/50 นะ ไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ ก็มีหลายเรื่องที่เราเคยเจอแล้วแบบ เฮ้ย...มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเป็นจังหวะ หรือเป็นอะไรบางอย่างนั่นแหละครับ ครึ่งครึ่งครับ
ความโดดเด่นและน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้
ความน่าสนใจอยู่ที่นักแสดง บทด้วย น่าสนใจตรงที่มันเป็นภาคต่อ เพราะฉะนั้นมันจะมีความขมังเวทรุ่นเก่ากับจอมขมังเวทรุ่นใหม่มาเจอกัน แล้วก็ทำให้เห็นถึงความเป็นปัจจุบันว่าคนยังมีอะไรแบบนี้อยู่ อยากให้ดูแล้วก็สะท้อนถึงสังคมนิดนึงด้วยเกี่ยวกับองค์กรอะไรต่างๆ ก็อยากจะให้ลองดูว่าทุกอย่างมันมีสองด้าน เป็นความเมืองสมัยใหม่ แต่ของมันต้องมีไง สมัยนี้มันก็ยังเห็นคนใส่สร้อยข้อมือเต็มไปหมดเลย มีห้อยโน่นนี่ ตะกรุด เบี้ยแก้อะไรอย่างนี้ ก็อยากฝากให้ทุกคนได้ลองไปดูนะครับ หนังเรื่องนี้ “จอมขมังเวทย์ 2020” มันน่าสนใจตรงที่นักแสดงแต่ละคน รวมทั้งโปรดักชั่นอะไรต่างๆ ทุกคนตั้งใจกันมากๆ เลย อยากให้ไปดูความล้ำทันสมัยของเอฟเฟกต์ มุมกล้องว่ามันไปถึงขั้นไหนแล้วของไทย รวมถึงฉากแอคชั่นมันส์ๆ แล้วก็ฝากให้ดูการแสดงของผมด้วย 14 พ.ย.นี้ครับ อยากคนดูสนุกกับเรื่องราวในภาพยนตร์ ลุ้นไปในโรงด้วยกัน ส่วนรายได้ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ถามว่าอยากเป็นพระเอกร้อยล้านไหม ถ้ามีก็ดีครับ(ยิ้ม) อยากให้ผู้ชม เปิดใจเข้าไปชมภาพยนตร์ จอมขมังเวทย์ 2020มีอะไรแปลกใหม่จากเดิมแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :