นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า รัฐบาลใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทสะเปะสะปะ ถลุงแจกหน่วยงาน แบ่งเค้กกินกันเองว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง คุณหญิงสุดารัตน์มโนไปเอง มุ่งดิสเครดิตรัฐบาล
ทั้งนี้ ตนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าช่วงนี้ทำไมจึงออกมาพูดรายวัน ไม่เหมือนคุณหญิงสุดารัตน์คนเก่าที่มีเหตุมีผล การพิจารณากลั่นกรองโครงการแผนงานที่ 3 วงเงิน 400,000 ล้านบาท ตามพระราชกำหนดฯ มีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มีการจัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง การใช้จ่ายเงินกู้ที่ประกอบด้วยหน่วยงานหลักในการดำเนินนโยบายของประเทศ ได้แก่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ไม่เกิน 5 คน เพื่อพิจารณากลั่นกรอง แผนงานหรือโครงการภายใต้แผนดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิด้าน เศรษฐศาสตร์ สาธารณะ และการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน ทำหน้าที่ติดตามและประเมินผล เพื่อให้การพิจารณาแผนงานหรือโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ
นายธนกร กล่าวอีกว่า คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้จัดทำกรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาชน ซี่งจะเป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้าน เพื่อทำหน้าที่พี่เลี้ยงถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ รวมทั้ง รองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก และสามารถตอบสนองความปกติใหม่ (New Normal) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลจะมุ่งเน้นแผนงานหรือโครงการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเป็นอันดับแรก เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับการค้า การผลิต และการบริการ ให้ครอบคลุมทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน ท่องเที่ยวและบริการ เช่น การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ อุตสาหกรรมอาหาร เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Responsible Tourism) อุตสาหกรรมการให้บริการ (Hospitality Industry) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นต้น นอกจากนี้ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างความเติบโตให้เศรษฐกิจฐานรากด้วยการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน โดยการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นชุมชน
ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าทุกอย่างโปร่งใส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะไม่ยอมให้มีการทุจริตอย่างเด็ดขาด อยากให้คุณหญิงสุดารัตน์เข้าใจด้วย เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลามาเล่นเกมส์การเมือง แต่เป็นเวลาที่ต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานให้กับประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :