เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ วัดปทุมวนาราม จากการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553 โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์ 6 ศพวัดปทุม ก็ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าที่แจ้งความเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดนายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าในวันนั้นเข้าไปด้วยในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น วันนี้ (3 พ.ค.) อัยการศาลทหารมีคำสั่งไม่ฟ้องนายทหารทั้ง 8 นาย โดยอัยการให้เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องว่าเพราะไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีพยานแวดล้อม และไม่มี พยานบุคคล ว่าทหารทั้ง 8 นายได้กระทำการยิงปืนเข้าไปในวัดเพื่อฆ่าผู้อื่น 

ทั้งที่มีทั้งคลิปวิดีโอ ทั้งภาพถ่าย ทั้งพยานหลักฐานปลอกกระสุนและหัวกระสุนที่ฝังอยู่ที่ศพผู้เสียชีวิตก็เป็นชนิดเดียวกับที่นายทหารทั้ง 8 คนใช้ในวันเกิดเหตุ พยานบุคคลที่อยู่ในวัดที่เห็นเหตุการณ์จำนวนกว่าพันคน และรวมไปถึงการให้ปากคำด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ของนายทหารทั้ง 8 คนที่ได้ยอมรับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า ทุกคนอยู่บนรางรถไฟฟ้าในวันดังกล่าวจริง และก็ยอมรับว่าได้ยิงเข้าไปในวัดจริง เพราะฉะนั้นคำสั่งของอัยการศาลทหารวันนี้โดยส่วนตัว ตนมิอาจยอมรับได้ด้วยประการทั้งปวง 

เนื่องจากคำสั่งนั้นมันได้ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ปรากฎทุกประการ โดยเหตุนั้นผลนั้นตนได้กล่าวไปเบื้องต้นแล้ว และขอตั้งข้อสงสัยด้วยความบริสุทธิ์ใจในฐานะผู้เสียหายว่า ศอฉ.ในปี 2553นั้นหลายคนก็คือ คสช.ในปัจจุบันนี้ ไล่เรียงมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรียันผบ.ทบ รวมถึงศาลทหารก็ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพที่เป็นคู่กรณี และแน่นอนฆาตกรคงไม่ทำทุกอย่างให้ตัวเองติดคุก ตนจึงไม่สามารถยอมรับคำสั่งดังกล่าวได้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ส่วนกระบวนการที่จะเคลื่อนไหวเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรนั้น จะแจ้งให้ทราบต่อไป

นางพะเยาว์ ให้สัมภาษณ์ว่า หนังสือแจ้งดังกล่าวสืบเนื่องจากการไปร้องทุกข์เพิ่มเติมที่ดีเอสไอ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ต้องการให้ดำเนินการเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ จากนั้นทางดีเอสไอก็เชิญมาเข้าพบเพื่อแจ้งว่า ทำเรื่องฟ้องเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการณ์บริเวณรถไฟฟ้าแล้ว ก่อนที่จะได้รับคำสั่งล่าสุดว่าอัยการทหารไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่ทั้ง 8 คน ซึ่งทำให้สงสัยว่า ทำไมคำฟ้องจึงไม่ไปตามกระบวนการของศาลยุติธรรมตามปกติ แต่ทำไมจึงไปยังช่องของศาลทหาร ซึ่งตนเห็นว่า คดี 99 ศพมีความตุกติกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และยืนยันว่า จะไม่ยอมอย่างแน่อน โดยจะปรึกษาทนายเพื่อดำเนินการต่อไป