นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นั่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจความเสียหายไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โดยไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะนั้น ได้เกิดสถานการณ์มาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 2,120 ไร่
จากนั้นนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ได้ประชุมร่วมกับ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ผู้แทนโครงการชลประทานจังหวัดนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า นิคมสหกรณ์บาเจาะ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ในที่ประชุม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังการรายงานและแก้ไขสถานการณ์ไฟป่าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบบูรณาการปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม และ บริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วภายใน 5-7 วัน
ในส่วนของการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ รมช.มท. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพิ่มอีก 1 เครื่องจากเดิมที่ส่งไปแล้วจำนวน 2 เครื่อง และเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญ ดำเนินการทันทีตั้งแต่เกิดสถานการณ์
พร้อมทั้ง ประสานงานร่วมกับศูนย์ชลประทาน เขต 17 สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 สงขลา และหน่วยงานอื่นๆ สนับสนุน เครื่องสูบน้ำขนาดตามความเหมาะสมของพื้นที่ รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ เพื่อร่วมบูรณาการดับไฟป่า นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ยากและมีความเสี่ยงสูง ได้มีการสั่งการให้ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อีกด้วย
สำหรับพื้นที่ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 90,000 ไร่ โดยประมาณ และได้กันไว้เป็นป่าส่วนกลางไว้ร้อยละ 20 ของพื้นที่ โดยมีลำคลองกันเป็นแนวไว้เพื่อป้องกันชาวบ้านบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
โดยการเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุอยู่ในขณะนี้ไหม้ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่ลงลึกถึงตะกอนที่ทับถมในพื้นที่ป่าพรุ ส่งผลให้การดับไฟในที่ป่าพรุค่อนข้างยากลำบาก และอาจต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อดับไฟป่าในครั้งนี้ และสถานการณ์โดยรวมยังคงมีไฟคุกรุ่นอยู่ และอาจมีแนวโน้มลุกลามอีก ซึ่งรมช.มท. ได้สั่งการกำชับการปฏิบัติให้มีการจัดเวรยามของชาวบ้านในพื้นที่ จนท.ปภ.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหน่วยสนับสนุนเครื่องจักรเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์