ทำให้ ‘พรรคภูมิใจไทย’ เป็น ‘พรรคตัวแปร’ ที่สำคัญในเวลานี้ ลบคำปรามาสในอดีตได้ ถึงขั้นมีกระแสข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์บางฉบับอ้างว่า ‘พรรคเพื่อไทย’ เสนอให้เป็น นายกฯ ด้วย
เพราะ ‘เสี่ยหนู’ มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค จึงทำให้ชื่อ ‘เสี่ยหนู’ ถูกพูดถึงขั้นเป็น ‘นายกฯส้มหล่น’ เลยทีเดียว หลังจากชื่อก่อนหน้านี้ คือ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แต่ผลการเลือกตั้งถูก ‘พลังประชารัฐ’ ตีตลาด ทำให้เป็นพรรคต่ำร้อย ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามที่ได้สัญญาไว้
แต่ทุกอย่างไม่ง่าย เพราะเกมนี้ ‘เสี่ยหนู’ รู้ดีควรตัดสินใจอย่างไร ?
ด้วยปัจจัยทางการเมืองช่วง 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา มีถึง 2 เหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ แน่นอนว่า ‘เสี่ยหนู’ ประเมินเกมการเมืองนี้ยาว
แถมมีข่าวว่า ‘ดีล’ ครั้งนี้ ฟากฝั่ง ‘พลังประชารัฐ’ อาจต้องสละเก้าอี้ ‘กระทรวงเกรดเอ’ ประมาณ 2 เก้าอี้ให้กับ ‘ภูมิใจไทย’ เพื่อปิดจ็อบ รวมเป็น ‘ครม.ประยุทธ์1’ ในอนาคต
แต่ทุกอย่างยังเหลือเวลาอีก 1 เดือนกว่าๆ ที่ กกต. จะต้องรับรองผลอย่างเป็นทางการภายใน 9 พ.ค.นี้ โดยพรรคภูมิใจไทย ไม่ขอแสดงความเห็นทางการเมือง ไปจนกว่า กกต. จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้ถูกวิจารณ์หนัก ว่ากำลัง ‘สร้างเงื่อนไข-อำนาจต่อรอง’ ทางการเมือง
สอดรับกับที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นหลัง 9 พ.ค.นี้ และภายหลังงานพระราชพิธีฯ
หากย้อนดู สายสัมพันธ์ระหว่าง ‘เสี่ยหนู’ กับ ‘3 ป.บูรพาพยัคฆ์’ ทั้ง ‘บิ๊กป้อม’ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ก็มีความแนบชิดกันมานาน
เพราะที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันมาตลอด ซึ่ง ‘บิ๊กป้อม’ ก็เคยร่วม ‘ครม.อภิสิทธิ์’ ทำงานกับ ‘ภูมิใจไทย’ มาก่อน ในยุคที่มี ผบ.ทบ. คือ พล.อ.อนุพงษ์
ที่สำคัญ ‘เสี่ยหนู’ เป็นผู้ที่มากด้วย ‘คอนเน็กชัน’ ในวงการต่างๆ ทั้งสาย ‘การเมือง-ธุรกิจ’ ของไทย
เรียกได้ว่าเป็นอีกบุคคลที่เป็น ‘ซูเปอร์คอนเน็กชัน’ เลยทีเดียว ซึ่งสถานะของ ‘เสี่ยหนู’ ไม่ได้เป็นเพียง ‘นักการเมือง’ แต่เป็น ‘นักธุรกิจ’ มาก่อนด้วย
ดังนั้นการจะตัดสินใจใดๆ จึงต้อง ‘ดีดลูกคิด’ มาเป็นการถี่ถ้วนแล้ว จึงอย่าได้แปลกใจที่ ‘เสี่ยหนู’ จะไม่มาปรากฏตัวในงานแถลงข่าว ‘เพื่อไทย’ จับมือกับพรรคร่วมอุดมการณ์ ‘ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล’ เพราะทางลมเปลี่ยนทิศได้เสมอ
แต่เมื่อ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ในการปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ที่ จ.นครราชสีมา ได้ระบุถึง 4 ปัจจัยร่วมรัฐบาลของ ‘เสี่ยหนู-ภูมิใจไทย’ 1. จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ขัดแย้ง 2. รักประชาชน 3. เทิดทูนสถาบัน 4. ทำให้ประเทศเจริญ แต่เป็นการพูดในบริบทก่อนผลการเลือกตั้งจะออกมา
อย่างไรก็ตาม มีเสียงจากบุคคลที่ใกล้ชิด ‘บิ๊ก คสช.’ ระบุว่า ยังเร็วไปที่จะพูดในเรื่องนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผลการเลือกตั้งถือว่าปริ่มกันมากทั้ง 2 ฝ่าย
พร้อมกันนี้ในปีที่แล้ว ‘บิ๊กตู่’ ควง ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’รองนายกฯ และ ครม.ชุดใหญ่ ลงพื้นที่ จ.บุรีรมย์ ที่ได้ชื่อว่า ‘เนวินซิตี้’ ทั้ง ‘เสี่ยหนู’ กับ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ก็จัดชาวบ้านนับหมื่นมาต้อนรับ ท่ามกลางกระแส ‘พลังดูด’ ทางการเมืองที่หนักขึ้น เป็นภาพที่ ‘ตอกย้ำ’ ถึงอนาคตทางการเมืองอีก 1 ปีต่อมาได้ไม่น้อย
อีกทั้งกระแสข่าว ‘บิ๊กป้อม-รองนายกฯสมคิด’ นั่วหัวโต๊ะ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ. ก็มีชื่อ ‘เสี่ยหนู’ ออกมาด้วย
แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ออกมา ปฏิเสธเสียงแข็งว่า ‘ไม่จริง’ และย้ำว่าตนไม่ยุ่งการเมือง เพราที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ถูกจับตาว่าเป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ซึ่งก็ได้ปฏิเสธทั้งหมด พร้อมย้ำว่าไม่ได้คุยกับ ‘เสี่ยหนู-เนวิน’
พร้อมกันนี้ ‘วิษณุ เครืองาม’ ออกมาระบุว่า การเลือกนายกฯ ต้องรอให้ ประธานสภา เรียกประชุมโหวตเลือกนายกฯ ให้ดูว่าได้ชื่อใคร ก็แสดงว่าพรรคนั้น ได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมยกอดีตสมัย ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขณะเป็น นายกฯ เมื่อยุบสภา ให้มีการเลือกตั้ง พรรคเสียงข้างมาก ก็ชิงตั้งรัฐบาลก่อน แต่พรรคที่ได้คะแนนลดหลั่นลงมา ก็จับมือกัน ก่อนทำหนังสือให้ ประธานรัฐสภา รวมเป็นเสียงข้างมาก แล้วตั้งรัฐบาล ให้ ‘ป๋าเปรม’ เป็นนายกฯ ทำให้ ‘พรรคเสียงข้างมาก’ ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมมองว่าในทางการเมืองการ ‘รับปาก-ลงชื่อ-ลงสัตยาบัน’ กันไว้ ก็เปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นการตัดสินใจทางการเมืองของ ‘เสี่ยหนู’ จึงไม่ได้มอง 1-2 ปี แต่ต้องมองให้ ‘ข้ามช็อต’ 5 ปีขึ้นไป หากมองย้อนกลับไปก็ต้อง 10 ปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นภาพการเมืองไม่น้อย และก็จะรู้ว่า ‘เสี่ยหนู’ จะตัดสินใจไปทางใด ? ในห้วงที่ประเทศไทยอยู่ในการ ‘เปลี่ยนผ่านสำคัญ’ ที่สำคัญการตัดสินใจนั้น ก็จะต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนด้วย
พลังงัดข้อนี้ อีกยาว !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง